HONGKONG เมืองแห่งความคลาสสิค
SHENZHEN ที่สุดแห่งเมืองเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ทริปนี้จะพาเที่ยว 2 เมืองใหญ่แดนมังกร ฮ่องกง-เซินเจิน พาไปดูความน่ารักของทั้งสองเมือง ที่อยู่ใกล้กันแต่ก็มีความต่าง
ฮ่องกง เมืองแห่งความคลาสสิค ที่สายมู สายกิน สายช้อป พร้อมใจกันมาเที่ยว สัมผัสบรรยากาศยุค 80 ฟีลหว่องๆ แล้วจะพาไปอัพเดทความล้ำสมัยอย่างเซินเจิน ที่หาดูอะไรแบบนี้ไม่ได้ที่ไทย ล้ำขนาดไหนต้องไปดูให้เห็นกับตา ในทริป 4 วัน 3 คืนนี้ เช็คอินครบ งบชิล หมื่นต้นๆเท่านั้นเอง
เราเริ่มเดินทางไปกับสายการบิน AirAsia บินไปลง Hongkong ก่อน จากฮ่องกงก็สามารถนั่งรถไฟข้ามไป Shenzhen ได้ง่ายๆ เลย ละจองตั๋วขากลับกรุงเทพ จากเซินเจิน มีบินตรงทุกวัน หรือไม่ว่าจะบินไปกลับสนามบินไหน AirAsia ก็มีเที่ยวบินให้เลือกหลากหลาย ไปทีเดียว ได้เที่ยวทั้ง 2 เมือง เริ่ดตรงนี้แหละ ปะ ไปเที่ยวกัน
จองตั๋วเครื่องบินได้ที่ https://air.asia/ZFjtZ
ฮ่องกง HONGKONG
เมืองแห่งความคลาสสิค ที่สายมู สายกิน สายช้อป พร้อมใจกันมาเที่ยว สัมผัสบรรยากาศยุค 80 ถ่ายรูปสนุก เหมือนหลุดไปในโลกของหนังของหว่องกาไว เก็ทปะ
เซินเจิน SHENZHEN
ที่สุดแห่งเมืองเทคโนโลยีล้ำสมัย การเดินทางสะดวก เมืองสะอาด ละยังเป็นที่ตั้งของบริษัท IT แบรนด์จีนใหญ่ๆ ทั้งนั้น จนบางคนก็เรียกว่าว่า Silicon Vallay แห่งเอเชีย
ทริปนี้เราไปเที่ยวเองคนเดียวอีกตามเคย การเดินทางแต่ละเมืองเราว่าสะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน Tram รถบัส หรือทางเดินเท้า ก็รู้สึกปลอดภัย ไม่น่ากลัว
เตรียมตัวก่อนเดินทางไปจีน และฮ่องกง
- เปิด Roaming มาจากไทยทีเดียว ใช้ได้ดีทั้ง ฮ่องกงและเซินเจินเลย
- ฮ่องกง ใช้ Google Map ได้ เค้าบอกวิธีเดินทางให้หมด กดดูรีวิวร้านอาหาร
- Alipay ใช้จ่ายเงินแทนเงินสด ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่ไทย มาถึงแล้วจะได้ใช้ได้เลย เราไม่ได้แลกเงินจีนมาเลย ใช้ Alipay จ่ายล้วนๆ
- Baidu ใช้ดูแผนที่ วิธีเดินทาง เวลารถไฟ ป้ายรถเมล์ คำนวณเวลาให้แม่นยำกว่า Google อีก แต่จะเป็นภาษาจีน
- Google Map ก็ยังต้องใช้ เพราะ เราจะเสิร์ชสถานที่เป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นก็ Copy ชื่อสถานที่ส่วนที่เป็นภาษาจีน ไปวางในช่องค้นหาของ Baidu ค่ะ
- แนะนำให้ Save ชื่อสถานที่ที่จะไปทั้งภาษาจีนและอังกฤษไว้ใน Note ด้วย เช่น ชื่อโรงแรม สนามบิน ที่เที่ยว เป็นต้น
- Didi แอปใช้เรียก Taxi ในจีน กดใช้ผ่าน Alipay ก็ได้ง่ายๆ
- Wechat สมัครไว้ตั้งแต่ที่ไทยเลย ฟังก์ชั่นคล้ายๆ Alipay+Website อาจจะได้ใช้ตอนซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่
BANGKOK – HONGKONG with AIRASIA
เราเดินทางไปกับสายการบิน AirAsia บินไปลง Hongkong จากสนามบินดอนเมือง บินตรงจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง)เชียงใหม่ สู่ฮ่องกง ทุกวัน ตามแต่สะดวก ของเราเป็นไฟล์ท 6 โมงเช้า ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเครื่องบินพอดี ใช้เวลาเดินทางแค่ 2.40ชม. จะไปถึงฮ่องกงประมาณ 9 โมง เวลาดีสุดๆ เพราะไปถึงแล้วเที่ยวต่อได้เลย เครื่องออกตรงเวลา ไม่ดีเลย์ เนี่ย แฮปปี้ตั้งแต่เริ่มทริปเลย
Kenedy Town
เป็นย่านน่ารักๆ ที่อยู่เกือบสุดฝั่งตะวันตกของฝั่งเกาะฮ่องกง จุดที่เราถ่ายนี้อยู่ในสนามบาสที่ตั้งอยู่บนเนินมองเห็นตึกเก่าสูงๆ และเส้นถนนวิ่งตรงสู่อ่าววิคตอเรีย มันดูมีความฮ่องกงแบบหว่องๆ ดี มีความ เนี่ยแหละฮ่องกงอะ
Location : https://maps.app.goo.gl/Dq4MYQi1t8hKQ2zG7
DINGDING HONGKONG TRAM
ที่เราชอบสุดคือ เค้ามี Tram คนฮ่องกงเรียกว่า Ding Ding ตัวรถรางมีหน้าตาเรียบง่าย แต่ดูน่ารักไม่ไหว มีความวินเทจ มันเป็นรถรางสองชั้นแบบโบราณ ที่วิ่งอยู่บนรางในย่านเกาะฮ่องกงเท่านั้นนะ ไม่ได้มีทั้งเมือง ซึ่งเส้นทางหลักๆ ก็จะผ่านจุดสำคัญๆ อย่าง Central, Wan Chai , Causeway Bay และ Kennedy Town นั่งชั้น 2 เหมาะกับการนั่งชมวิวเมืองมากๆ เป็นการเดินทางแบบคลาสสิกและราคาถูกด้วย
Tram จะวิ่งช้าๆ ประมาณ 40-50 กม./ชม.ถือว่าเป็นการเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ในเมืองที่แสนวุ่นวาย 555 เท่าที่ดูคนฮ่องกงเองก็ใช้ Tram ในชีวิตประจำวันเยอะเหมือนกัน
เราว่าฮ่องกงเป็นเมืองที่ถ่ายรูปสนุกมากนะ ตึกรามบ้านช่องมีความเก่าแต่เท่ มันคอนทราสกันอยู่อะ เดินเล่น ถ่ายรูปเพลินๆ รู้ตัวอีกที วันนี้เดินไปจะ 20,000 ก้าวละ
THE PEAK
ถ้าใครอยากชมวิวมุมสูงของฮ่องกง ให้มาที่ The Peak เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของฮ่องกงเลยก็ว่าได้ เรามาช่วงกลางคืน เห็นวิวอ่าววิคตอเรียกับแสงไฟระยิบระยับจากตึกระฟ้าทั้งฝั่งเกาะฮ่องกงและเกาลูน ตัดกับความมืดของท้องฟ้าและเงาสะท้อนบนผืนน้ำในอ่าววิกตอเรีย มันให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในฉากหนังซักเรื่องอะ
Location : https://maps.app.goo.gl/xeENdCS7tT521Gje8
ที่สนุกอีกอย่างคือการนั่ง Peak Tram รถรางเก่าแก่ที่พาเราขึ้นไปถึงยอดเขา ระหว่างทางเราจะได้สัมผัสวิวเมืองในมุมที่ค่อยๆ สูงขึ้นๆ แนะนำให้ขึ้นไปจนถึง Sky Terrace 428 ต่อเลย วิวสวยคุ้ม! ถ้าเพิ่งเคยเที่ยวฮ่องกงครั้งแรก ยังไงก็ต้องมา ส่วนวิวตอนกลางวันก็จะสวยไปอีกแบบ
*มาคนเดียว แต่ไม่มีคนถ่ายรูปให้ ก็ใช้เงินแก้ปัญหาค่ะ เค้ามีบูสถ่ายรูป แบบกั้นคนเยอะๆออกจากเฟรมให้ สนนราคาที่รูปละ 200hk แพงอยู่ แต่ก็เอาวะ 5555
*แนะนำให้จองตั๋ว The Peak Tram + Terrace ล่วงหน้ากับ Klook จะได้ QR CODE มาเลย ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วหน้าทางเข้าค่ะ
ลิงค์ไปจองตั๋ว https://bit.ly/3Q5xgoU
วัดแชกง | Sha Tin Che Kung Temple
เปลี่ยนมู๊ดจากฝั่งเกาะฮ่องกง มาที่ฝั่งเกาลูนกันบ้างค่ะ ใกล้จะปีใหม่แล้วอยากไปไหว้พระขอพรเพิ่มความเป็นสิริมงคลกับชีวิตหน่อย ที่วัดแชกง หรือคนไทยเรียกว่า วัดกังหัน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับคนที่เชื่อเรื่องโชคลาภและการเสริมดวงโดยเฉพาะสายมูเตลูอย่างเรา ๆ นี่แหละ
Location : https://maps.app.goo.gl/2QQuqcPhLKJf58Aa9
ไฮไลต์ของวัดคือ “กังหันลม” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์นำโชค เชื่อกันว่าถ้าเราได้หมุนกังหันแล้ว จะช่วยพัดพาสิ่งไม่ดีออกไป และนำสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต เช่น โชคลาภ สุขภาพ ความสำเร็จในงาน และความรัก ให้หมุนกังหัน 3 ครั้ง และตีกลอง 3 ที (จริงๆมีรายละเอียดเยอะกว่านี้ มีเจ้าหน้าที่คอยบอกอยุ่ค่ะ) หน้าวัดมีของไหว้ และเครื่องรางขาย
วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple)
มาวัดนี้เพราะเคยได้ยินว่าโดดเด่นเรื่องการขอพรด้านความรัก (โชคลาภและสุขภาพด้วย) เป็นวัดลัทธิเต๋าที่มีความเป็นจีนคลาสสิกสุด ๆ เป็นที่ประดิษฐานของเทพหวังต้าเซียน และเทพอีกหลายๆองค์ เช่น เจ้าแม่กวนอิม และเทพเจ้าหยุคโหลว ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักและความสัมพันธ์
Map : https://goo.gl/maps/pEYMVcJ9nH2w73Qr6
หนึ่งในไฮไลต์ของวัดหวังต้าเซียนคือ การขอพรจาก เทพเจ้าหยุคโหลว (Yue Lao) ผู้เป็น “เทพเฒ่าจันทรา” ในความเชื่อของจีน เชื่อกันว่าเทพองค์นี้เป็นผู้เชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างคู่รักและดูแลเรื่องความรักของมนุษย์ โดยมีด้ายแดง (สัญลักษณ์สายใยแห่งรัก) เพื่อขอให้เทพช่วยผูกดวงชะตารัก มีป้ายบอกวิธีการขอด้วยค่ะ
ทางนี้ตั้งใจมาก ฮ่องกงรอบหน้า หวังว่าจะไม่ได้มาคนเดียวละนะ
Avanue of Stars
อะ ไปกันต่อที่ริมอ่าววิคตอเรีย ฝั่งเกาลูน เป็นเส้นทางเดินริมน้ำแบบชิลๆ ยาวๆ เลียบอ่าวไปเลย เราสามารถมองเห็นวิวเมืองฝั่งเกาะฮ่องกงจากนี่ได้ด้วย ไฮไลท์คือเวลา 2 ทุ่มของทุกๆวัน จะมีการเปิดโชว์แสดงไฟบนตึก พร้อมเพลงอลังการ (ประมาณ 10 นาที) สวยและโรแมนติกมาก บนราวสะพานจะรอยพิมพ์ฝ่ามือของคนดังๆ มากมาย ถึงได้ชื่อว่า Avanue of Stars ไง
Location : https://maps.app.goo.gl/JhAQB5s4A5EYMtuY6
K11 MUSEA
ข้างๆ Avanue of Stars มีห้างขนาดใหญ่ K11 ตกแต่งสวยเวอร์ รวมแบรนด์เนมต่างๆมากมาย สายช้อปไม่ควรพลาด
Location : https://maps.app.goo.gl/GGFPdfCZTgURMDtz9
Tsim Sha Stui
ย่านยอดฮิตในฮ่องกงฝั่งเกาลูน มีร้านค้า ร้านอาหารอร่อยๆมากมาย ให้เดินเล่น เดินชิมกันได้ทั้งคืน และยังเป็น Hub ของการเดินทางไปยังจุดต่างๆ ในฮ่องกง
หมี่ฮ่องกง Mak’s Noodle
อยากให้ทุกคนได้ลองชิม หมี่ฮ่องกงดู เส้นเล็กๆ มีความหนุบหนับ เคี้ยวกรึบๆ เป็นเอกลักษณ์ของเค้าเลย ยิ่งร้านไหนมีซุปหอมๆ กับเครื่องดีๆ คือถูกใจมาก อย่างร้าน Mak’s Noodle ที่เราได้มาลองเป็นร้านแรก สั่งบะหมี่เนื้อ Brisket+เอ็นตุ๋น เส้นหนึบ ซุปละมุมหอมกลิ่นเนื้อและเครื่องเทศเบาๆ กับเนื้อตุ๋นชิ้นใหญ่แต่ไม่เหนียวเลย ประทับใจอะ
กินอะไรดีที่ฮ่องกง
เรื่องอาหาร มาเมืองนี้ไม่มีผิดหวังจริงๆ มีร้านที่ได้รางวัล Michelin Star ให้เราได้ลิ้มลองเพียบ ได้ทั้งคุณภาพและราคาเหมาะสม รีวิวไว้ให้คร่าวๆ เผื่อใครอยากตามเนอะ
Ki’son Roasted Goose (Tsim Sha Tsui) https://maps.app.goo.gl/LDQT4TmK1TGnQZEE8ข้าวหน้าห่านอบ หนังกรอบ เนื้อจุ๊ยซี่ ทาซอสเค็มนิดๆ ไว้บนหนัง คำแรกคืออร่อยมากๆ คำหลังๆ เริ่มเลี่ยนจากมันห่าน แต่ก็ควรลองนะ
LOK YUEN https://maps.app.goo.gl/McMJpScRbpgo8dog9บะหมี่ฮ่องกงเกี๊ยวกุ้ง+หมู ชามนี้น้ำซุปกลมกล่อมมาก เกี๊ยวใส้แน่นๆ เส้นหมี่ฮ่องกงถูกใจตั้งแต่แรกแล้ว กินตอนอากาศหนาวๆคือดีงาม
Cheung Hing Kee Shanghai Pan Fried Buns https://maps.app.goo.gl/BR3Z4sGMaHsT7d2E7เกี๊ยวทอดมั้ง ข้างในมีใส้และซุป ตามรีวิวมากิน เพราะมีแต่คนบอกว่าอร่อย ต้องลอง เราลองใส้ Truffle ก็อร่อยนะ มีความเป็น Signature ที่หากินได้ที่นี่เท่านั้น
Fat Boy https://maps.app.goo.gl/9CjXLUnPhF5WyKL5Aเป็น Street Food อีกหนึ่งที่ได้ Michelin เค้าเป็นหมู เนื้อ หมึก เครื่องในเสริฟแบบเสียบไม้ราดซอส ตอนแรกนึกว่าสั่งแล้วจะเอาไปทอดหรือย่าง แต่คือผิดคาด เค้าหยิบใส่ห่อให้เลยกินแบบเย็นๆ ที่อร่อยเราว่าคือซอสราด มันเค็มๆหวานๆ นัวๆ ปะแล่มๆดี ไม่เคยกินแบบนี้มาก่อน สั่งกินอีกได้เรื่อยๆ
วิธีเดินทาง HONGKONG TO SHENZHEN
จากฮ่องกงไปเซินเจิน เราเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงค่ะ ให้มาขึ้นที่ Hong Kong West Kowloon Station
เป็นสถานีที่ใหญ่อลังมาก เชื่อมต่อกับรถไฟจีน สามารถ Walk in มาซื้อตั๋วหน้าเค้าเตอร์ได้เลย เลือกลงที่เมือง Futain ซึ่งจะเป็นย่านกลางเมืองเซินเจิน เดินทางสะดวกกว่าลงที่สถานี Shenzhen เนาะ
การเดินทางข้ามเมืองนี้ ต้องใช้ Passport ในการซื้อตั๋วนะคะ ซึ่งสถานี Hong Kong West Kowloon Station จะมีด่าน ตม.ฮ่องกง และ ด่าน ตม.จีน อยู่ภายในสถานีเลย มีตรวจกระเป๋า แสตมป์ Passport ออกฮ่องกง และเดินต่อนิดหน่อยไปด่าน Stamp เข้าจีน แล้วค่อยได้ไปขึ้นรถไฟ
ช่วงเวลาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองให้เผื่อเวลาก่อนรถไฟออกไว้เลยประมาณ 1 ชม. ส่วนเวลานั่งรถไฟจริงๆ แค่ประมาณ 25 นาที ก็ถึงสถานี Futain เมือง Shenzhen แล้วค่ะ
เซินเจิน | SHENZHEN
สัมผัสแรกที่มาถึงเซินเจินคือ โหหวว นี่มันเมืองใหม่ เมืองใหญ่ ดูสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางเดินเท้า หรือสถานีรถไฟ ดูดีจัง
อาคารสถาปัตยกรรมดูล้ำสมัย เหมือนอยู่ในโลกยุคใหม่ Vibes ต่างจากฮ่องกงที่เพิ่งไปมาเลย
Museum of Contemporary Art & Planning Exhibition
深圳市当代艺术与城市规划馆
อะ โลเคชั่นแรก ที่เราว่าบ่งบอกความเป็นเซินเจินเมืองแห่งอนาคตที่สุด คือ Museum of Contemporary Art ภายในพิพิธภัณฑ์มีก้อนเมทัลลิกขนาดใหญ่อยู่กลางฮอล ทรงเหมือนก้อนเมฆ ที่ซึ่ง่ไม่ได้มีไว้แค่สวยงาม แต่ฟังชั่นภายในคือคาเฟ่และห้องแสดงงานศิลปะ เราสามารถขึ้นไปดูข้างบนได้
MOCA Shenzhen เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในเซินเจินที่ออกแบบให้ดูล้ำสมัยและเชื่อมโยงกับเมือง ตัวอาคารมีดีไซน์โค้งๆ ดูพลิ้วไหว สื่อถึงความเคลื่อนไหวและความคิดสร้างสรรค์ แถมยังผสมกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัย โดยใช้วัสดุรักษ์โลก และมีพื้นที่เปิดโล่งให้คนมานั่งเล่นหรือจัดกิจกรรมได้ ไม่ใช่แค่แสดงศิลปะ แต่เป็นที่รวมตัวของความสร้างสรรค์และชุมชนในเมืองเลย!
OH BAY! SHENZHEN
โลเคชั่นยอดฮิตแห่งใหม่ของ Shenzhen คือสวนสาธารณะริมทะเลขนาดใหญ่ ย่าน Bao’an มีไฮไลท์คือ Sky Eye Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่เราจะสามารถมองเห็นวิวสวยงามของอ่าวเซินเจิน และวิวเมืองไปพร้อมๆกัน
นอกจากสวนกว้างๆ กับชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีโชว์แสดงไฟ แสงสีเสียงในยามค่ำคืนอีกด้วย ที่นี่อยู่ติดกับห้าง Oh Bay! มีร้านค้าและร้านอาหารหลากหลาย เป็นอีกจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนเซินเจิ้นค่ะ
Hongfa Temple 弘法寺
สำหรับวัดขึ้นชื่อของเซินเจินคือ วัดฮงฟา ที่นี่ตั้งอยู่ภายในสวน Fairy Lake Botanical Garden อุทยานภูเขา Wutong ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเซินเจิน ทำให้บรรยากาศรอบๆ วัดเต็มไปด้วยความสงบและมีอากาศบริสุทธิ์ ที่นี่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ระยะทางจากหน้าทางเข้าไปถึงวัดประมาณ 3 กม. มีทางเดินชมธรรมชาติสวยๆตลอดเส้นทาง หรือสามารถนั่งบัสเข้ามาก็ได้ ในราคาแค่ 3 หยวน
Hongfa Temple วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะในด้านการขอพรเกี่ยวกับ สุขภาพ ความสงบสุขในชีวิต การงาน และครอบครัว หลังขอพรแล้ว อย่าลืมกลับมาทำบุญหรือปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นการขอบคุณและเสริมสิริมงคลในชีวิตนะคะ
Dongmen Night Market
ปิดท้ายด้วยตลาดกลางคืนใจกลางเมืองเซินเจิ้นกันสักหน่อย ที่ตลาดตงเหมิน ที่นี่มีร้านค้า เสื้อผ้า ร้านอาหาร Street Food ละลานตาราคาเบาๆ นี่ชิมไปหลายร้านเลย มีความสุขมากกับการเดินชอปปิ้งไปกินไปแบบนี้
วันสุดท้ายนี้เที่ยวได้ทั้งวันจนถึงค่ำเลย เพราะไฟล์ทดึก บิน AirAsia จาก Shenzhen กลับไทยเวลา 23.55น.
และนี้ก็เป็นทริปฮ่องกง-เซินเจิน 4 วัน 3 คืน ในแบบของเรา
ได้ทั้งอิ่มใจและอิ่มท้องกับ 2 เมืองใหญ่แดนมังกร ได้สัมผัสทั้งความคลาสสิกของฮ่องกง ได้เห็นความล้ำสมัยของเซินเจิน เดินทางง่าย ให้มาอีกก็มาได้ เพราะยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะเลย
สรุปค่าใช้จ่ายทริป HONGKONG-SHENZHEN
HOTEL
ATLAS Guesthouse HK x2 4340THB
SUNON HOTEL SHENZHEN 1548THB
TRANSPORT
HONGKONG 773THB
SHENZHEN 284THB
FOOD
HONGKONG 1750THB
SHENZHEN 971THB
ETC
ค่าขึ้น THE PEAK TRAM 638THB
ค่าถ่ายรูปบน The Peak 200HKD
ค่าของไหว้ 80HKD
ค่าเข้าวัด Hongfa Temple Shenzhen 15Y
รวม 11,613THB
ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
………………………………..
หวังว่าจะเป็นข้อมูลให้คนที่สนใจรูทนี้ได้นะคะ วันนี้ไปละ
บ๊ายบาย
ต้นอ้อ | high on dreams