วังเวียง จุดเริ่มต้นของ Backpacker ไทย | VANGVIENG, LAOS

อยากจะเขียนว่า “วังเวียง” เป็นเมืองสงบๆสโลไลฟ์คงไม่ถูกนัก เพราะหลังจากที่ได้ไปสัมผัสมา 3 รอบ บอกเลยว่าวังเวียง โคตรคึกคักกว่าที่คิด

ด้วยความที่มันเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ความสวยงามของธรรมชาติเป็นที่หนึ่ง แต่เรื่องความสนุกสนานก็ไม่เป็นรอง คนถึงได้แห่กันมาแบบไม่ขาดสายแบบนี้ไง สำหรับคนไทยบางกลุ่ม เหมือนวังเวียงจะกลายเป็นสถานที่ฝึกปรือการเดินทาง ให้เชี่ยวชาญโลกมากขึ้น อาจเป็นก้าวแรกของการออกนอกประเทศก็ได้ 

วันนี้จะไปพาเที่ยววังเวียงแบบสนุกๆ เน้นกิจกรรม นั่งจิบกาแฟริมทุ่งนาอันนี้ไม่มีนะ มีแต่รั่ว มั่ว เละเทะ แต่ยังอยู่ในกรอบไม่เดือดร้อนคนอื่น มาดูกันว่ากิจกรรมที่วังเวียง จะทำอะไรบ้าง กับประสบการณ์ที่เจอจากทริปวังเวียง 3 รอบ เหมือนกันทุกรอบ 555

การเดินทางไปวังเวียง

1.รถบัส

ถ้าจากกรุงเทพ ขึ้น OVERNIGHT BUS ไปลงเวียงจันทน์ รถออก 20.00 ใช้เวลา 10 ชั่วโมง หรือจากที่ไหนก็ตาม ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี ไปเวียงจันทน์ ดูตารางรถบัสระหว่างประเทศได้ที่นี่  https://goo.gl/bBtQPp พอถึงเวียงจันทน์ แล้วค่อยต่อรถบัสเข้าวังเวียง ซึ่งเวลาที่ออกก็รองรับกับรถที่มาจากที่ต่างๆนั่นแหละ แต่ก็ไม่ควรมาถึงเวียงจันทน์หลังบ่ายโมงเนาะ

2.เครื่องบิน

บินลงเวียงจันทน์เลยค่ะ จะใกล้กว่าบินลงหลวงพระบาง แล้วเหมารถ Private Car ไปวังเวียงได้เลย ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ราคาแล้วแต่ต่อรอง หรือบินมาลง อุดรธานี แล้วต่อรถบัสเข้าวังเวียง มีรอบ 8.30 โมงเช้า ถ้าวิธีนี้ต้องมาก่อนเวลารถออกเพราะต้องรีบซื้อตั๋ว รถเต็มเร็วมาก หากรถเต็ม ตัวเลือกถัดไปคือ ไปลงเวียงจันทน์แทน แล้วหารถจาก บขส.เวียงจันทน์ ไปวังเวียง อีกที

3.มอไซด์ก็จะมันส์ๆหน่อย

อันนี้คือวิธีเรา ที่จะไม่ทำอีกแล้ว ครั้งเดียวพอ นั่งรถไฟจากกรุงเทพไปหนองคาย จากหนองคาย ต่อสกายแลปไปด่านตรวจคนเข้าเมือง(50บ.) ผ่านด่านตรวจปุ๊ปหารถต่อเข้าเมืองเวียงจันทน์   อันนี้จะนั่ง Shuttle Bus ก็ได้ แต่เราไม่ เราเหมาแทกซี่ไปเพราะขี้เกียจแล้ว ฮ่าๆ (150บ.) บอกแทกซี่ไปส่งย่านโฮสเทล ถนนคนเดิน แล้วไปหาเช่ามอไซด์จากที่นั่นแหละ (วันละ 250บ.) ละขับไปวังเวียงเลย ระยะทาง 150 กิโลเมตร เดี๋ยวจอด เดี๋ยวหยุด คือกุปวดตูดขระ 

แพลนเราแบบง่ายๆเลย

• DAY 1 วันเดินทาง กว่าจะถึงวังเวียงบ่ายๆเย็นๆ ก็เดินเล่นในเมือง / จิบเบียร์แช่ขาริมน้ำ
• DAY 2 เช่ามอไซด์ ช่วงเช้าไปถ้ำจัง ดูทุ่งนา / ช่วงบ่ายไปล่องห่วงยางแม่น้ำซอง / ดนตรีสดที่ Irish bar
• DAY 3 เช่า Buggy ขับไปผาเงิน / Blue Lagoon1 / Blue Lagoon 3 เล่นน้ำจนตัวเปื่อย / จบทริปที่ Sukura Bar / Jungle Party
• DAY 4 Check Out กลับบ้าน

แลกเงิน ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เรทดีสุด แต่แถวยาว แต่กดตังเอาก็ได้ค่ะ เสียค่ากดประมาณ 100บ.
SIM INTERNET ซื้อได้ที่ด่านเหมือนกัน หรือซื้อที่ K supermart ในวังเวียงก็ได้ ถูกกว่าซิมโรมมิ่งไทย

ทำอะไรดี ที่วังเวียง?

จริงๆ แค่ได้มาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา วิวแบบนี้ก็เจ๋งแล้วนะ แต่มันยังมีอะไรอีกเยอะ

บลูลากูน (BLUE LAGOON)

บลูลากูนเนี่ยเรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของวังเวียงเลยก็ว่าได้ ทุกคน ทุกทัวร์ ต้องมา เหมือนเป็นข้อบังคับของการเที่ยววังเวียง จุดเด่นของที่นี่คือ เป็นคลองน้ำใสสีฟ้าให้นั่งแช่ นั่งชิล หรือจะมาปิ๊กนิ๊กสั่งส้มตำ ลาบงัว จกข้าวเหนียวกินในศาลาริมน้ำก็ได้ 

จุดเด่นคือต้นไม้ที่มีกิ่งก้านยื่นเข้าไปในคลองนั่นแหละ ไปโดดกัน มันส์มากกก มันจะมี 2 ระดับ ชั้นล่างเป็นระดับอนุบาล และชั้นบนระดับมหาลัย ชั้นบนนี่โดดละจะเสียวๆหน่อย ถ้าลงท่าสวยก็จะมีคนปรบมือให้ ระดับน้ำค่อนข้างลึกค่ะ ถ้าว่ายน้ำไม่แข็ง ต้องใส่ชูชีพด้วยเด้อ

BLUE LAGOON 3

บลูลากูน 3 ที่นี่เหมือนเป็นลูกเล็กของ Blue Lagoonแรก คือหลังจากที่ลากูนแรกนักท่องเที่ยวล้น จึงเกิดลูกลากูนขึ้นมาเป็น Blue lagoon 2, Blue Lagoon 3 และ 4 และ 5 ที่กำลังตามมาติดๆ แต่อาจจะไกลหน่อย ทางก็อาจจะแย่หน่อย มีคนน้อยกว่า แต่คอนเซปต์ความสนุกของการโดดน้ำยังอยู่ครบ รูปแบบอาจจะแตกต่างออกไปบ้าง เช่น บลูลากูน 1 จะโดดน้ำจากบนต้นไม้ใหญ่ อันอื่นอาจจะเป็นแท่นโดดน้ำ โหนสลิงแทน ซึ่งเสียวไม่แพ้กัน ส่วน Blue Lagoon 2 เป็นยังไงไม่รู้ ขับมอไซด์ผ่านมาเฉยเลย

สะพานข้ามไปถ้ำจัง

สะพานสีส้มๆ ตรงนี้ก็เหมือนจะเป็นแลนด์มาร์คเบาๆ นะ เพราะใครที่จะไปถ้ำจังทุกคนก็ต้องผ่านสะพานข้ามแม่น้ำซอง แต่ทุกคนที่ผ่านสะพานนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปถ้ำจัง งงมะ 555

บริเวณตีนสะพานจะมีซุ่มขายมันปิ้ง ข้าวโพดปิ้ง เก๋าลัดหรือลูกอะไรก็ไม่รู้นะ เรียงรายเต็มไปหมด

คลองหน้าถ้ำจัง

จุดที่เราชอบที่สุดของที่นี่คือ ก่อนบรรไดขึ้นถ้ำจัง จะมีคลองที่เราลงไปเล่นน้ำได้ น้ำใสมากๆ 

ถ้ำจัง

บันไดขึ้นถ้ำจัง เห็นเค้าว่ามี 147 ขั้น เราก็ไม่ได้นับนะ มัวแต่หอบอยู่ ค่าเข้า 15,000 กีบ  ขึ้นไปชมวิวข้างบนก็สวยดี 

พอเข้าไปภายในถ้ำ จะรู้สึกเย็นๆวูบๆ มีโถงยาวๆเป็นทางเดิน พอมองขึ้นไปข้างบนจะเป็นเหมือนสันกระดูก เหมือนเราอยู่ในท้องมังกรอะ

เดินไปจนสุดทางจะเป็นจุดชมวิวเมืองวังเวียงกับแม่น้ำซองอยู่ไกลๆ  และสะพานส้มที่เราเพิ่งข้ามมา

ขับ BUGGY 

มาเที่ยววังเวียง อยากให้ขับบั๊กกี้จริงๆค่ะ มันดูเป็นยานพาหนะที่สนุกและสบายสุดละ สบายกว่าขับมอไซด์ด้วย เพราะอย่างที่รู้ว่า ทางในวังเวียงมันเป็นถนนลูกรัง ถ้าจะไปน้ำตก จะไปบลูลากูน 3 เนี่ย มีปวดตูดปวดข้อมือแน่ๆ พอแก๊งบั๊กกี้เกาหลีขับผ่านทีนี่ ไปไวจนน่าอิจฉา แถมทิ้งฝุ่นตลบใส่หน้าด้วย คราวหน้าจะเช่าบั๊กกี้แน่ๆค่ะ

HOT AIR BALLOON

ขึ้นบอลลูนที่วังเวียง เป็นสิ่งที่เราอยากทำ แต่ไม่ได้ทำซักที ทำให้ต้องวางแผนมาเที่ยวที่นี่อีกในไม่ช้า เทือกเขาหินปูน  ที่มีหมอกบนยอดเขา และแม่น้ำไหลผ่าน บวกกับหมู่บ้านเล็กๆ คือเราว่าวิวที่นี่ต้องสวยมากแน่ๆ บอลลูนที่นี่จะมีสองรอบ คือรอบเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น และรอบเย็นดูพระอาทิตย์ตกดิน ราคาถูกกว่าบอลลูนที่ตุรกีเยอะ

TUBING ล่องห่วงยางแม่น้ำซอง

จะบอกว่าเราชอบกิจกรรมนี้ที่สุดแล้ว มาวังเวียง 3 รอบ ก็ทูปบิ้งทุกรอบจริงๆ การ Tubing หรือ ล่องห่วงยาง ก็คือเค้าจะมีห่วงยางใหญ่ๆ ให้คนละ 1 อัน แล้วพาเราไปปล่อยที่จุดปล่อย ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 10 กิโลเมตร ระยะเวลาล่องเต็มๆ ไหลไปตามน้ำ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถึงจะถึงปลายทางที่เป็นตัวเมืองละแบกห่วงยางไปคืนที่ร้าน ค่าเช่าห่วงยางประมาณ 55,000กีบค่ะ ไม่รวมค่าประกันห่วงยาง

ที่วังเวียงจะมีรูทล่องห่วงยาง 2 รูท คือ รูทหลักจะเริ่มจากต้นน้ำแล้วไหลเข้าตัวเมือง (ห่วงเหลือง) และรูทรอง ล่องจากใกล้ๆตัวเมืองแล้วไหลออกไปนอกเมือง (ห่วงแดง) ทั้งสองเส้นทางนี้มีบาร์จอดริมน้ำเหมือนกัน ถ้าอยากเริ่มที่รูทหลัก แนะนำให้ไปเช่าห่วงยางที่ร้าน Tubing ใหญ่ค่ะ อยุ่ตรงข้ามโรงแรม Roung Nakhon Palace ข้าง M mark และ K mart เจ้านี้เป็นต้นตำรับ

แต่…ระหว่างทางล่องน้ำ มันจะมีบาร์เล็กๆอยู่ริมฝั่ง ถ้าอยากจอดแวะก็โบกเรียกเด็กบาร์ แล้วเค้าจะมาลากเราขึ้นร้าน ในร้านมีอาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมต่างๆที่จะยื้อเราให้อยู่บาร์เค้าให้นานขึ้น เช่น โต๊ะปิงปอง เป้าปาลูกดอก สนามบาส เนตวอลเล่ โกลฟุตบอล ซิปไลน์ เวทีเต้น และโต๊ะเบียร์ปอง แต่ละร้านจะมีจุดเด่นที่ต่างกัน เห็นเค้าว่าเมื่อก่อนมี 20 กว่าบาร์เลย แต่เดี๋ยวถูกปรับให้เปิดวันละ 3-4 บาร์ จะได้ดูแลกันได้ทั่วถึง ร้านจะสลับกันเปิดคนละวัน มาแต่ละครั้งก็ไม่เคยเจอร้านซ้ำกันเลย

เราไม่เคยล่องจนไปถึงปลายทางซักที เพราะแวะบ่อยไปหน่อย 555 หลัง 6 โมงเย็น จะงดล่องน้ำโดยเด็ดขาด เพราะมืดแล้วจะอันตรายค่ะ  มีตำรวจน้ำคอยดูแลอยู่ ไม่ให้นักท่องเที่ยวลอยตอนใกล้ค่ำ

ข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ คือ เอารองเท้าแบบรัดส้นมาด้วย เพราะถ้ารองเท้าแตะ มันจะหลุดไกลไปตามน้ำได้ง่ายๆค่ะ ของเราหายไป 3 คู่แล้ว หายทุกรอบอะ และในระหว่างที่ห่วงยางล่องไปตามน้ำ มันจะมีช่วงน้ำตื้นๆ ก้นเราจะไปชนหินค่ะ ให้ยกๆตัวขึ้นกันไว้ก่อน ของเราก็ได้แผลกลับมา อะไรจะซวยอย่างนี้ เฮ้อ

อีกเรื่องนึงคือ ก่อนรับห่วงยาง เช้คให้แน่ใจว่าห่วงยางเราไม่มีรอยรั่ว หรือยางอ่อนใดๆ เพราะถ้าเอามาลอยจริงแล้วห่วงยางแฟบ จะไม่สนุกเอา  ให้ระวังเวลาจอดห่วงยางไว้ที่บาร์ด้วย นักท่องเที่ยวที่ยางแฟ๊บจะมาแอบเปลี่ยนเอาห่วงยางดีเราไป คนที่ออกจากบาร์คนสุดท้ายจะซวยค่ะ ….. อันความซวยนั้น ตกอยู่ที่เราเอง อีกแล้วววว 555

VANGVIENG NIGHTLIFE

มาถึงโหมดวังเวียงช่วงกลางคืนกันบ้างนะ เราว่าที่นี่ครึกครื้นมากๆ เดินไปมุมไหนก็มีแต่บาร์เต็มไปหมด ตอนกลางคืนถ้าพักในย่านตัวเมืองนี่เสียงดนตรี EDM กระหึ่มค่ะ 

ถนนคนเดิน

ถนนคนเดินวังเวียงเหมือนเพิ่งจะมีมาไม่นานมานี่แหละ เพิ่งเห็นเหมือนกัน มาเดินที่นี่ของกินเยอะ หมูกะทะ จิ้มจุ่ม หมูปิ้ง หมาล่า อะไรมีหมด นั่งกินบนตั่งน้อยๆ ถนนี้เป็นซอยสั้นๆนะ แต่ถือว่าดีอยู่ แอบร้อนนิดนึง คล้ายถนนคนเดินต่างจังหวัดบ้านเราอะ 

ซิ้นดาด หรือหมูกระทะ 

“ซิ้น” แปลว่า ชิ้นเนื้อสัตว์ “ดาด” แปลว่า เอาไปโดนความร้อนผ่านแผ่นเหล็ก (ใช่ปะวะ?) หาได้ทั่วไปในวังเวียงเลย เพราะบาบีคิวเป็นของโปรดของนักท่องเที่ยวเกาหลี ฮ่าๆ ที่นี่มีหลายร้านค่ะ ส่วนใหญ่ขายเป็นเซต เราทานที่ร้านซิ้นดาดใต้โรงแรมสุดใจ ในตัวเมืองค่ะ แซบดี 

ซากุระบาร์ 

อย่างที่บอกว่าวังเวียงเป็นเมืองคนคึก ทั้งเรกเก้บาร์ ไอริชบาร์ บีชบาร์ หรือคลับ ที่ชื่อดังสุดเลยคงเป็นซากุระบาร์ มีฟรีดริ๊ง 20.00-21.00 จ้าาาา เรียกว่าเอาไว้เผาหัวกันไปก่อน ดึกมาจะได้คึกๆ ขึ้นไปเต้นบนโต๊ะกลางร้านไรงี้  พอหมด Happy Hour ร้านนี้ ก็มี Happy Hour อีกร้านนึง เรียกว่า Bar Hopping กันไป มันก็สนุกแหละ

แต่สำหรับคนบางประเภทที่ชอบลอง หรือเพิ่งเที่ยวใหม่ๆ “ซากุระบาร์” อาจจะเป็นสถานที่อันตราย มันจะมีกลุ่มคนที่คอยมองหาเหยื่อ แล้วหลอกล่อทำทีมาคุยด้วยจนหลงคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน หลงคิดว่าเป็นเพื่อนใหม่ เอาน้ำ เอาบุหรี เอายา เอาอะไรให้ก็กินก็ลอง สุดท้ายจบที่ มอมเรา รอเราเมา แล้วขโมยเงินไปหมดตัว ตื่นมาคืออ้วกแบบอาหารเป็นพิษ ซึ่งปกติคอแข็งมาก เป็นเหตุการณ์จากเพื่อนต่างประเทศที่เจอโดยตรงค่ะ เพื่อนเราเอง มันบอกให้ระวังแก๊งกระเทยเอาไว้เลย 

JUNGLE PARTY

ในทุกๆคืนวันศุกร์ ที่วังเวียงจะมี Jungle Party เป็นปาร์ตี้ลับๆ ที่ก็ไม่ค่อยลับเท่าไหร่นะ แต่เค้าก็เลือกจะแจกโบชัวเฉพาะแก๊งที่ไป Tubing ตามบาร์ต่างๆ และรู้จากตุ๊กๆที่มารอรับนักดื่มที่ยังไม่อยากหยุด จากหน้าบาร์ ไปงาน Jungle Party แบบฟรีๆ (แต่เสียเงินขากลับ2เท่า) ที่งานมีเสียค่าเข้าประมาณ 30,000 – 40,000กีบ ในงานมีโชว์ควงไฟ กระโดดเชือกไฟ ดนตรีดีเจ ไฟ NEON ในป่า มันก็ฟิลๆนี้แหละ ตี 4 ก็ยังไม่ปิด สำหรับเราครั้งเดียวพอค่ะ 

ที่พักแบบถูกๆในวังเวียง

ที่วังเวียงมีที่พักถูกๆเยอะนะ ทั้งเกสเฮ้าส์ โรงแรม หรือโฮสเทล ประมาณเกือบ 10 แห่งได้มั่ง สามารถเข้าไปเลือกได้จาก HOSTEL IN VANGVIENG หรือถ้าเป็นโรงแรมเกสเฮ้าส์ก็ดูในนี้ได้ HOTEL IN VANGVIENG และนี่คือที่ที่เราเคยพักมา TNA HOTEL  / SoutJai Guesthouse  / Real Vangvieng Backpacker HOSTEL ทั้งหมดอยู่ในเมือง และทำเลดี หากินสะดวก เอาไว้นอนเฉยๆ ปาร์ตี้เดินกลับง่ายค่ะ

วังเวียงเป็นเมืองที่เรารู้สึกว่า มาซ้ำๆได้ มาทีไร ก็เก็บกิจกรรมไม่ครบซักที ไม่ใช่เพราะวังเวียงใหญ่นะ แต่เพราะเรามัวแต่เอ้อระเหย ลอยชาย กับบรรยากาศของมัน เวลาประทับใจที่ไหน พอมาอีกครั้ง มันก็จะทำกิจกรรมเดิมอะ นี่วางแผนรอบหน้าก็ยังคงมีกิจกรรมเดิมๆวนเวียนอยู่ 

ขอแถมบรรยากาศระหว่างทางขับรถมอไซด์กลับเวียงจันทน์ดีกว่า ตรงนนี้เราจอดชมวิวหลังจากออกจากวังเวียงมาไม่นาน มองย้อนกลับไปถึงกับร้องหูยยย นั่นเมืองวังเวียงที่เราเพิ่งจากมา สวยจริงๆ เป็นหมู่บ้านในหุบเขาจริงๆหวะ

แวะกินส้มตำในซุ่มระหว่างทาง โคตรรรรแซบบบบ

ถามว่าขับมอไซด์ไปวังเวียงเหนื่อยมั้ย ไม่รู้ ไม่ได้ขับ เราเป็นสก๊อยค่ะ สก๊อยที่ปวดตูดมากๆ ถ้ามีรางวัลสก๊อยดีเด่นก็คงได้ละค่ะ เพราะซ้อนมาแล้วเกือบทุกทริป เวียดนาม อินโด อินเดีย ฟิลิปปินส์ ลาว มาเล ไม่เอาอีกแล้วเด้อออ (ไม่จริง)

แวะเที่ยวเวียงจันทน์แป๊ปนึง รอรถบัสกลับกรุงเทพ รอบ 6 โมงเย็น 

เราเคยเขียนเรื่องลาวตอน Backpack ลาวเหนือคนเดียว 14 วัน อ่านได้ในลิ้งนี้ค่ะ http://www.highondreams.com/travel/enroutetolaos01/
หรือทริปเที่ยวหลวงพระบางกับเรือช้า ที่นี่ค่ะ http://www.highondreams.com/travel/luangprabang/ 

และนี่คือ “วังเวียง” ในแบบของเรา

ต้นอ้อ  high on dreams :}