มาเที่ยว “สิงคโปร์” ทีไร ทำให้นึกถึงสมัยก่อน ตอนอยู่ต่างจังหวัดแล้วไปเที่ยวกรุงเทพครั้งแรก ได้เห็นตึกสูง เห็นแสงสี ตื่นตา ตื่นใจไปหมดทุกอย่าง
ทริปสิงคโปร์ครั้งนี้ก็เหมือนกัน กับเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีอะไรใหม่ๆมาให้ตื่นเต้นได้ตลอด ทั้งความเจริญ INNOVATION และความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลายๆอย่าง ที่หาไม่ได้จากเมืองกรุง เช่น ไป Picnic บนสนามหญ้าดาดฟ้าเขื่อน Marina Barrage แล้วไปชมต้นไม้ยักษ์ Supertree Grove ใน Gardens by the bay เดินป่าลอยฟ้าที่ Cloud Forest Dome หรือป่ามัลติมีเดียตอนกลางคืน ที่ Rainforest Lumina ใน Singapore Zoo นี่ยังมีเมืองเก่า สตรีทอาร์ท ให้ถ่ายรูปเช็คอินอีกนะ ทั้งในย่าน Little India / China Town / Bugis รวมมิตรชาวต่างชาติ นี่ขนาดเป็นประเทศเล็กๆ แต่กลับมีอะไรน่าสนใจเยอะเลย สิงคโปร์รอบนี้ มากับแอร์เอเชีย บินคุ้ม คุณภาพครบ เที่ยว 3 วัน 2 คืนกำลังพอดี ไม่น้อยไป ไม่มากไป เที่ยวศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ลาเพิ่มซักวันจะได้เที่ยวแบบสบายขึ้น มาเปิดหูเปิดตา มองหา Inspiration ใหม่ๆ ให้ชีวิตกันเนาะ ใกล้ๆไทยแค่นี้เอง ไปแล้วจะร้อง อ๋ออออ นี่คือประเทศเล็กๆ บนเกาะ แต่ล้ำสมัยจริงๆ
.
.
#AirAsia #ไปสิ
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
1.จองตั๋วเครื่องบิน – จองล่วงหน้าถูกกว่าจองใกล้ๆวันเดินทางเยอะ มีโปรเมื่อไหร่ก็สอยไว้เลย เราจองมากับสายการบินแอร์เอเชียโปรดี คุ้มค่าคุ้มราคา แถมมีให้เลือกหลายช่วงเวลาต่อวัน ดูรายละเอียดได้ที่นี่ฮะ https://www.airasia.com/th/th/home.page
2.INTERNET – เราซื้อซิมมาจากไทย ราคา 399 บาท เป็นซิมโรมมิ่ง มีเนตให้ 4GB นาน 8 วัน สามารถเก็บ Sim ไว้เติมเงินใช้ทริปต่อไปได้
3.โหลด Application – Singapore MRT LRT map ติดเครื่องเอาไว้กันหลง และไว้หาวิธีเดินทางไปแต่ละจุดได้ทั้งรถไฟใต้ดินและบัส
4.แลกเงิน – แลกดอลล่าสิงคโปร์ก่อนมา เรทตอนเราแลก วันที่ 30/8/18 1$ = 24.5THB
5.ควรมีรองเท้าดีๆซักคู่ เพราะสิงคโปร์เดินสนุก เดินเยอะ
6.พกกระบอกน้ำ จิบระหว่างเดินเที่ยวเล่น หมดก็เติมได้ เพราะมีจุดเติมน้ำฟรีด้วย และน้ำจากก๊อกที่สิงคโปร์เป็นน้ำทีดื่มได้เด้อ ประหยัดและยังไม่สร้างขยะพลาสติก รักษ์โลกไปอีกค่าา
7.สำหรับสายปาร์ตี้ รักการดื่ม เตรียมเงินมาให้พอนะคะ ราคาเครื่องดื่มจะคุณ 2 ถ้าซื้อในเซเว่น และ คุณ 3 จากราคาปกติที่ซื้อกันในประเทศไทย
**ทริปนี้เราแลกเงินมา 6000 ใช้ทริปนี้หมดพอดี การกินอยู่ปานกลาง ไม่หรูแต่ก็ไม่โลโซค่ะ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตก่อนมานะ
แผนการเดินทาง
เที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืนของเราตามนี้เลยค่ะ
DAY1
-Boat Quay (ที่พัก)
-Fort Canning Park (อุโมงค์ต้นไม้)
-Rainforest Lumina (ดูไฟในสวนสัตว์ตอนกลางคืน)
-Clarke Quay (Hangout)DAY2
-Chinatown (แหล่งอาหารถูกปากราคาเบาๆ)
-Cloud Forest (น้ำตกในร่มที่ใหญ่ที่สุด)
-Marina Barrage (Picnic)
-Gardens by the Bay (ดูกการแสดงไฟอลังๆ)
-Local Bar (เจ้าถิ่นพาเที่ยว)DAY3
-Joo Chiat Road (New Hipster spot)
-Little India (Colourful area)
-Haji lane (Street Art)
DAY 1
เริ่มเดินทาง
เราออกเดินทางจากกรุงเทพมาสิงคโปร์ กับสายการบินแอร์เอเชีย นอกจากคุ้มราคาแล้ว คุณภาพก็ครบตามสิ่งที่ทุกสายการบินพึงจะมี แถมอีกนิดว่าแอร์สวยและบริการดีด้วยจ้า ฮ่าๆๆ
เพื่อความเที่ยวคุ้มๆ ลาทั้งทีก็อยากได้แบบเต็มๆ วัน เราเลือกไฟร์ทเช้าสุดในวันศุกร์ บิน 7.00 น. จากสนามบินดอนเมือง ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงก็ถึงสิงคโปร์แล้ว และขากลับวันอาทิตย์รอบสุดท้าย 22.10 น. จากสนามบินชางกีสิงคโปร์ ถึงไทย 23.30 น. เท่ากับเราจะได้เที่ยวเต็มๆ 3 วันไปเลย แล้วอย่าลืมว่าเวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงนะคะ
มาถึงสนามบิน Changi Airport หลังจากออก ตม. สิ่งแรกที่ทำคือไปซื้อ EZ LINK บัตรเดินทางรถไฟ MRT และบัส LRT ราคาบัตร 12$ ในนั้นเป็นค่าบัตร 5$ และค่าเดินทาง 7$ ค่าเดินทาง MRT ที่นี่ไม่เกิน 3$ ต่อเที่ยวค่ะ ตลอดทั้งทริปนี้เราใช้ประมาณ 15$ เติมเลยก็ได้ หรือหมดแล้วไปเติมที่สถานีต่างๆก็ได้ มีบัตรแล้วก็สะดวกดี เพราะเวลาขึ้นบัสเค้าไม่รับเงินสด และเก็บบัตรไว้ใช้ตอนมาเที่ยวอีกรอบได้โดยไม่ต้องซื้อใหม่
พวกเรานั่งรถไฟเข้าที่พักกันก่อน เอาของไปเก็บค่อยออกไปลัลล้า เราพักที่ 5 FOOT WAY IN. ย่าน Boat Quay ค่ะ ลง MRT สถานี Clarke Quay มากัน 4 คน จองโฮสเทลห้องรวม 4 เตียง ทำเลที่นี่เราว่าเดินทางสะดวกดี ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ละมันก็ครึกครื้นมาก มากับเพื่อนๆยิ่งสนุก
LOCATION : https://goo.gl/maps/HmF84tQ5pEU2
BOAT QUAY
เราชอบย่านนี้เพราะมันเป็น Walking Street อยู่ริมน้ำเก๋ๆ ด้านนึงเป็นอาคาร ด้านนึงเป็นที่นั่งชิล ตอนอยู่ในโฮสเทลแอบมองคนผ่านไปมานอกหน้าต่างก็เพลินละ บาร์เยอะ ร้านอาหารเยอะ เป็นพวกอาหารทะเลซะส่วนใหญ่ สังเกตจะมีปูตัวเป็นๆใหญ่ๆโชว์อยู่หน้าร้าน มีร้านอาหารไทยด้วยนา น้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรไทยกับอาหารทะเลสดๆที่นี่คงอร่อย อาหารอินเดียก็มี หรือซาชิมิญี่ปุ่นก็มี น่าลอง
การเลือกที่พักเราว่าสำคัญนะ เราพยายามเลือกที่ที่เดินทางสะดวก และบรรยากาศดีก่อน เราว่าย่านนี้ไม่ได้วุ่นวายเท่าย่าน China town หรือ Little India นั่นแหละทำให้บรรยากาศดี น่าเดินกว่า คนจะเยอะช่วงกลางคืน โดยเฉพาะศุกร์ เสาร์ ส่วนใหญ่ที่เห็นมีแต่โลคอลและนักท่องเที่ยวตะวันตก
SONG FA BAK KUT TEH
เพื่อนถามว่า อาหารประจำชาติสิงคโปร์คืออะไร เอาจริงๆเราก็ตอบไม่ได้ เพราะที่นี่มีหลายชาติมาอยู่รวมกัน ทั้งจีน อินเดีย มาเล อะไรๆ มันก็ประจำชาติหมดอะ เลยเลือกเอาชาติที่น่าจะถูกปากคนไทย คือร้านนี้ SONG FA BAK KUT TEH บักกุ๊ดเต๋ชื่อดัง เพราะเห็นคิวยาว เลยไปต่อบ้าง มันอยู่ในย่าน Boat Quay นี่เองค่ะ
LOCATION : https://goo.gl/maps/rnX82QVxGGA2
ทีเด็ดเลยคือบักกุ๊กเต๋กระดูกหมู ซุปโคตรดี อร่อยมากกก นัวมากกก เห็นถ้วยเล็กๆแบบนี้ แต่คือเติมน้ำซุปให้ตลอดนะจ๊ะ ซดแล้วซดอีก แทบจะยกถ้วย แล้วหมูเนี่ยมีให้เลือกหมูธรรมดาหรือหมูพรีเมี่ยมด้วย ส่วนพวกผัดผักอะไรก็อร่อย ใครชอบอาหารจีนน่าจะชอบแนวนี้
หลังทานข้าวเสร็จ ก็เป็นเวลาเดินเล่นฮะ เดินไปถ่ายรูปไป
คือสิงคโปร์ อย่างที่บอก เป็นเมืองเดินสนุก แต่ละวันก็จะเดินเยอะหน่อย ชอบเดินซอกแซกไปตามซอยเล็กๆ อันไหนนั่งรถไฟแค่สถานีเดียว ก็จะเลือกวิธีเดินแทน เราชอบสิงคโปร์ตรงที่มันมักจะมีอะไรซ่อนอยู่ในตรอก ซึ่งก็ต้องเดินเท่านั้นแหละ ถึงจะเห็นอะไรแบบนี้ ตื่นเต้นดี ได้สัมผัสเมืองแบบใกล้ชิดขึ้น อย่างตึกนี้ เราชอบการดีไซน์ต้นไม้และสวนบนตึกจังเลย มันดูเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันกับอาคาร สีเขียวที่แซมมาทำให้รู้สึกว่าตึกนี้คือต้นไม้ใหญ่ มันไม่อึดอัด ดูเป็นเมืองเจริญ ที่น่าอยู่อะ
จากย่าน Boat Quay เราจะเดินไป Fort Canning Park ค่ะ ถ้ามองจากแผนที่แล้ว มันก็ดูไม่ไกลนะ ระหว่างทางไปจะผ่านตึกที่มีหน้าต่างสีๆนี้ เก๋มาก ถ่ายรูปสวยด้วย เห็นสีๆแบบนี้ไม่น่าเชื่อนะว่าเคยเป็นสถานีตำรวจมาก่อน
แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นตึกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแล้ว (Ministry of Communications and Information) ถ้าอยากมาดู Search แผนที่แล้วปักหมุดเดินตามมาได้เลย
LOCATION : https://goo.gl/maps/soMpnEe1Ewr
FORT CANNING PARK
มาถึงแล้ว Fort Canning Park ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ มีป้อมปราการเก่า และทางเดินในสวนยาวเป็นกิโล ระหว่างทางจะมีป้ายอธิบายประวัติศาสตร์ในแต่ละจุดด้วย เดินไปอ่านไปได้
เราชอบที่มันร่มรื่นมากๆ ต้นไม้เยอะละพืชพันธ์ไม้ในสวนนี่ก็เหมือนคัดมาแล้ว Tropical style อะ ต้นแปลกๆก็มี ไม่น่าเชื่อนะ ว่ามันมีพื้นที่สีเขียวใหญ่ขนาดนี้ ตั้งอยู่กลางเมือง เดินออกจากสวนไปนิดเดียว ก็เป็นตึกแล้วอะ
จุดยอดฮิต Instagram Spots ที่ใครมาสิงคโปร์ก็ต้องมาถ่ายกัน ซ่อนอยู่ใน Fort Canning Park นี่แหละฮะ ตอนแรกคิดว่าจะใหญ่กว่านี้ แต่นี่เหมือน hidden place จริงๆ เป็นอุโมงค์เล็กๆ ลอดถนน ที่นี่สามารถเดินทางมาง่ายๆ จาก MRT Dhoby Ghaut ถ้าเดินมาแบบเราจาก Boat Quay ก็อาจจะเดินไกลหน่อย แต่ก็ได้เดินชมสวนมากขึ้น มีมุมสวยเยอะ คุ้มกับการเดิน
LOCATION : https://goo.gl/maps/tRuR1siRSmp
Rainforest Lumina, Singapore Zoo
คืนวันแรกเราแพลนจะไปเที่ยวกลางคืน แต่เป็นกลางคืนที่สวนสัตว์!!
เห็น Air Asia มีโปรโมชั่นที่สามารถเอา CODE มาซื้อตั๋วเข้าชม Rainforest Lumina แบบ Online จะได้รับส่วนลด 10% ก็เลยมาดูซักหน่อยฮะ เค้าว่ามันอลังการมาก
ที่นี่เป็น Multimedia Night Walk เป็นการชมป่าเมืองร้อนในตอนกลางคืนในรูปแบบการจัดแสงไฟในป่า แบบนี้คงไม่ค่อยมีคนได้มีโอกาสเห็นเท่าไหร่นักถ้าไม่มาที่นี่ เส้นทางเดินป่านี้จะนำโดยเหล่า Creature Crew เป็นตัวมัลติมีเดียน่ารักๆ ถึง 8 ตัว ตัวดำเนินเรื่องพาเราไปชมจุดต่างๆ ไปเล่น ไปเต้น ไปร้อง นอกจากสนุกแล้ว ใครมาจะต้องหลงรักพวกนางแน่ๆ จนอยากลักพาตัวกลับไปไว้บ้าน
Rainforest Lumina ตั้งอยู่ใน Singapore Zoo เดินทางมาง่ายๆด้วยโดยนั่งรถไฟลง MRT Khatib จะมี Shuttle Bus รอรับไปสวนสัตว์สิงคโปร์อยู่ สังเกตรถจะ Wrap ด้วยรูปสัตว์เยอะๆ อย่าลืมแสดงบัตรเข้างานพร้อม Boarding Pass ของ AirAsia สำหรับเข้าชมนะฮะ เปิดเข้าชม 7.30pm – 12.00am
สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่
https://rainforestlumina.wrs.com.sg/
https://www.airasia.com/th/th/promotion/hot-boarding-pass.page?tab=SG
เมื่อเข้าสู่เส้นทาง Night Walk แล้ว เราจะได้เลือกเจ้า Creature Crew ประจำตัว แต่ละตัวก็จะมี Character ของมัน เราเลือกตัวไหน มันก็จะบอกความเป็นเราได้ เป็น Gimmick เล็กๆ ให้เรามีส่วนร่วมกับป่า Rainforest แห่งนี้ อย่างน้องอุรังอุตังสีชมพูที่เป็นมาสคอตงานตัวหลัก น้องชื่อ MAYA มีความ Creativity และเป็นตัวกลางระหว่าง สัตว์ ป่า และมนุษย์ หรือน้อง Pangolin(ตัวนิ่ม) ตัวนี้ จะขี้อายหน่อยๆ โผล่มาไม่บ่อย แต่ก็โผล่มานะ 555 เป็นตัวแทนของการล้มแล้วลุก ไม่ย่อท้อ ชอบตัวไหนก็ไปหยิบ Wristband ในตะกร้ามาใส่ ได้คนละ 1 อัน เดี๋ยวตอนท้ายๆจะได้ใช้ แถมยังได้เป็นของที่ระลึกด้วย
ลองไปเล่นเกมส์ในเว็บก่อนก็ได้ ว่าคนแบบเราจะได้เป็น creature
ตัวไหน ที่นี่ https://rainforestlumina.wrs.com.sg/quiz.html
ที่นี่มันไม่ใช่แค่เดินชมไปเรื่อยๆ นะ แต่มันยังมีกิจกรรม Interactive สนุกๆให้เล่น อย่าง ก้าวแรกที่เข้าป่า เราจะได้เห็นแสงสีระยิบระยับ ดั่งหิ่งห้อยนับล้านนนนน ล้านจริงๆเว้ย คืออลังการงานสร้างมาก เหมือนไม่ได้อยู่บนโลก หรือโซน Singing like an animal คือให้เราร้องคำรามเหมือนสัตว์ป่า ยิ่งร้องดัง ร้องนาน จะมีต้นไม้ค่อยๆเติบโตขึ้น ต้องร้องจน Creature Crew โผล่ออกมา ไม่งั้นไม่สุด ชอบอันนี้มาก เล่นจนเจ็บคอไป 3 วัน 555
อีกอันที่เราชอบเป็นสวนดอกไม้เรืองแสงนับร้อยเปลี่ยนสีได้ ในโซน Shimmering Islands นี่มันฉากในหนังเรื่อง AVATAR ชัดๆเลย จัดแสง สี เสียง ดีมาก เหมือนเราเป็น Creature ตัวนึงจริงๆ
ระหว่างทางเดิน จะมีการเล่นแสงเงากับแสงไฟในแบบต่างๆ ตลอดทาง ใครชอบถ่ายรูป คงได้เดินถ่ายไม่หยุดอะ มีทั้งหมด 14 โซนให้เราเล่นและเชยชม
มาเที่ยวที่นี่แนะนำให้ใส่เสื้สีขาวมา จะได้เด่นๆ เพราะมันเป็นไฟนีออน ถ้าใส่สีดำมานี่จะหากันไม่เจอ ต้องยิ้มเยอะๆ จะได้เห็นฟันสะท้อนแสงออกมา 555 มากับเพื่อนหลายๆคนสนุกดี หรือจะพาครอบครัว พาลูกมาเล่น จนถึงมากับแฟนที่จีบกันใหม่ๆจะได้มีจังหวะเดินเกาะแขนแน่นๆ มันก็จะมีจังหวะแบบว่า “มืดจังค่ะที่รักขอกอดที” งี้
FOOD COURT
ที่น่าสังเกตคือ ที่สิงคโปร์ไม่มีรถเข็นขายอาหาร Street Food ข้างถนนเลย แล้วอย่างงี้จะไปหาอาหารถูกๆได้ที่ไหน? นี่เลยฮะ ในแต่ละย่านจะมี Food Court ประจำซอย
มีหลายๆร้านให้เลือกเหมือนโรงอาหาร ที่เรามานี้คือ Clarke Quay Food Court มีทั้งเบอร์เกอร์ ไก่ทอดชีสไข่เค็ม ก๋วยเตี๋ยวมาเล บักกุ๊ดเด๋ แกงกะหรี่ โรงอาหารแบบ International มากอะ ชอบอาหารของชาติไหนก็มีให้เลือกทาน คนที่มากินที่นี่ก็เหมือนเผาหัวก่อนเข้าไปในคลาร์คคีย์อะแหละ แต่ง ตัวแต่งหน้ากันมาเต็ม
LOCATION : https://goo.gl/maps/adhhSPUN6pQ2
CLARKE QUAY
ทานข้าวเสร็จ ก็ออกมาล่องราตรีกันซะหน่อย ที่ Clarke Quay (อ่านว่าคลาร์คคีย์) จุด Hangout ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ (เพื่อนสิงคโปร์บอกมา) จำได้ว่าเคยมาคนเดียวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาเดินเล่นริมคลองที่นี่แหละ เสียงดนตรีกระหึ่ม ผู้คนมากมาย มาสังสรรค์เฮฮา ปลดปล่อยกันในคืนวันศุกร์ โอ้โหหหห ตัดภาพมาที่เรา ตอนนั้นเหงามาก นั่งคนเดียวริมคลองดูคนเมา 555 ดีที่วันนี้มากับเพื่อน เลยชวนกันไปหย่อนตูดนั่งซักร้าน
พวกบาร์ต่างๆ จะปิดตอนตี 3 มีตำรวจถือปืนเดินมาตรวจ แต่ละโต๊ะเลย นั่งกินข้างทางเหมือนไทยไม่ได้นะ ส่วนเซเว่นจะหยุดขายแอลกอฮอลตอนสี่ทุ่มครึ่ง แต่อาหารอะ สามารถหากินได้แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในย่าน China Town มีของกินเยอะ พี่ TAXI บอกมา
DAY2
CHINA TOWN
มาเริ่มเช้าวันที่ 2 กัน กินขนมปังที่โฮสเทล แล้วออกไปเที่ยวย่านไชน่าทาวน์ ถ้าเปรียบให้สิงค์โปร์เป็นเหมือนบ้านหลังนึง ย่านไชน่าทาวน์คงจะเป็น ห้องครัวแหละ อาหารเยอะ ขนมเยอะ และยังถูกปากคนไทยอีก จะพลาดได้ยังไง จริงๆก็คล้ายก็เยาวราชบ้านเรานะ แต่ที่นี่ใหญ่กว่าเยอะ
แต่ละอาคารที่นี่เป็นสไตล์โคโลเนียล ถูกสร้างไว้เกือบร้อยปี สิงคโปร์เมืองใหม่ขนาดนี้ยังเก็บสถาปัตยกรรมเก่าไว้อยู่เลย ใครชอบเที่ยวเมืองเก่า มาเดินที่นี่สนุกค่ะ ก่อนไปหาอะไรกิน เราแวะไป People’s Park เพื่อซื้อตั๋วเข้า Gardens by the bay เพราะซื้อที่นี่เค้าว่าจะได้ราคาถูกกว่าซื้อหน้าเค้าเตอร์ และมีตั๋วเข้าเฉพาะ Cloud forest Dome ที่เราต้องการด้วย (Single Dome 11$ )
TIAN TIAN Hainanese Chicken Rice
ข้าวมันไก่ชื่อดัง ที่ใครๆก็ต้องมากิน ทุกรีวิวจริงๆ นะ ไอ่เราก็ตามเค้าไป เพราะอยากลองว่ามันอร่อยเหมือนที่รีวิวไว้มั้ย ร้านนี้อยู่ที่ Maxwell Food Court ย่าน Chinatown เรามาตอนเที่ยง คือแถวยาวมากกกก ยาวไปหลังร้าน ออกนอก Food Court ไปเลย แต่ร้านเค้าก็มีระบบดี ทุกอย่างรวดเร็ว เลยต่อแถวไม่นานเท่าไหร่ รอได้
มาพูดถึงรสชาติ เราว่าก็ดีจริงๆอย่างที่เลื่องลือมา ไก่ชุ่มฉ่ำ ไม่ทุบเนื้อแบนๆ เหมือนไทย เป็นเนื้อไก่แบบที่เราชอบกิน ปกติชอบกินเนื้อน่องกับหนังเยอะๆ เนื้ออกกินไม่ได้มันฝืดคอ แต่อันนี้กินเปล่าได้เลยไม่ฝืดคอ ดีงามมมม แต่ที่เด็ดจริงๆของข้าวมันไก่สิงคโปร์ คือเค้าจะมีน้ำราดไก่ด้วย เค็มๆ นัวๆ คืออร่อยมากกกกกก เราว่ามันพิเศษกว่าเพราะสิ่งนี้แหละ เราเคยกินข้าวมันไก่อีกเจ้านึง ชื่อ Bugis Chicken Rice
ที่ขายในถนนคนเดิน Chinatown ก็อร่อยเหมือนกันนะ ไก่ดี น้ำราดดี คนไม่เยอะ เดินไม่ไกล ถึงบอกว่าไชน่าทาวน์เป็นห้องครัวไง ทำอะไรก็อร่อยอะ
LOCATION : https://goo.gl/maps/iWNVY6yFKQ22
CLOUD FOREST DOME
เมื่อวานไป Rainforest วันนี้ไป Cloud Forest ป่าเยอะจริงนะที่นี่ เป็นป่าแบบคนเมืองคูลๆ Cloud Forest Dome เป็นน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก เป็นสถานที่ที่อยากมาดูนานแล้ว เราชอบที่นี่มาก น้ำตกอลังการ แอร์เย็น แถมได้เดินหลบร้อนจากอากาศ 38c ข้างนอก นี่คือป่าในแบบของเมืองใหญ่อย่างแท้จริง ใช้นวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์ และมีประโยชน์ ถึงแม้มันจะถูกสร้างขึ้นมา แต่มันก็ให้ความรู้สึกสดชื่น ได้กลิ่นดิน กลิ่นน้ำ กลิ่นใบไม้ เหมือนอยู่ในป่าจริงๆ
เดินทาง : นั่งรถไฟจาก Chinatown มาลงที่ MRT Bayfront
แล้วเดินข้าม Marina Bay sand ไปค่ะ
LOCATION : https://goo.gl/maps/KycL6RatF262
พืชพันธุ์ไม้ในป่าเขตร้อน ถูกคัดเลือก ตัดแต่งอย่างดี ให้มาอยู่ในโดมนี้ เนี่ย คนออกแบบเซ้นท์ดีอีกแล้วอะ จัดสวนได้สวยมากๆ และดูแลดีมากๆ ต้นไม้พวกนี้โชคดีมากนะที่ได้มาเกิดในโดมนี้ ได้อยู่ในที่ที่มีคนชื่นชม
เราชอบการออกแบบของที่นี่อะ เป็นรูททางเดินลอยฟ้าเหนือน้ำตก มีละอองน้ำกระทบผิวรู้สึกเหมือนอยู่ในก้อนเมฆจริงๆ เค้าถึงตั้งชื่อที่นี่ว่า Cloud Forest ไง เราสามารถขึ้นลิฟท์ไปเดินตั้งแต่ชั้นบนสุด ค่อยๆลงมาชั้นล่าง แต่ละชั้นถ่ายรูปเพลินมากบอกเลย
ความสนุกของเราใน Cloud Forest คือเดินหาช่องต้นไม้ ที่มองออกไปแล้วเจอแลนด์มาร์คของสิงคโปร์ มันมีเป็นสิบๆช่องเลยนะ เดินให้ทั่วเลย
MARINA BARRAGE
เดินมาเยอะแล้ว เรามานั่งพักกันที่ Marina barrage ที่นี่เป็นสนามหญ้าบนหลังคาเขื่อน ที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ แม้ว่าตึกที่นี่จะหนาแน่นขนาดไหน เค้าก็ไม่ลืมที่จะแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามา ละมันไม่ได้แค่ความสวยงาม แต่มันยังมีประโยชน์ด้วย เช่น สนามหญ้าแห่งนี้แหละ เป็นทั้งที่ลดความร้อนเข้าตัวอาคาร และเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับชาวเมืองอีก
ที่นี่ไม่ใช่แค่ Garden in the City แล้วหละ แต่เป็น City hopping at The Happening City ต่างหาก
ก่อนมาอย่าลืมแวะซื้ออาหารและเครื่องดื่มเย็นๆมาปิ๊กนิ๊กกันด้วยนะ (ระหว่างทางเดินจาก Cloud Forest Dome มีร้าน Satay by the Bay คล้ายๆ Food court ให้แวะซื้อค่ะ แอบบอกว่าในนี้มีปิ้งย่างแบบหมูกะทะด้วยจ้า) เราว่าเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ หลังจากเดินมาทั้งวันได้ดีทีเดียว ชอบวิวและบรรยากาศอะ
กิจกรรมสนุกๆเมื่อมาที่ Marina barrage คือมาเล่นว่าวกันค่ะ ตอนเแรกเราก็ว่าจะนั่งปิ๊กนิ๊ก กินหมูสะเต๊ะกับเครื่องดื่มเย็นๆ ไปอะแหละ แต่พอเห็นกรุ๊ปชาวสิงคโปร์ข้างๆ มีกิจกรรมทำทั้งเล่นว่าว ทั้งเล่นบอร์ดเกมส์ เออ มันก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ ก็เลยลงไปหาซื้อว่าวมาเล่นบ้าง (มีว่าวขายที่ร้านชั้น 1) สนุกมากกก ดูเหมือนจะเล่นง่ายๆ แต่มันไม่ง่ายเลยเด้อ แต่เล่นไปเรื่อยๆ แล้วจะค่อยๆเรียนรู้เทคนิค พอว่าวขึ้นได้แล้วมันภูมิใจอะ 555
เอาว่าวกลับไปที่กรุงเทพก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเล่นได้ที่ไหน สงสัยต้องเอามาเล่นที่นี่อีกรอบละมั้ง
เราอยู่นี่จนพระอาทิตย์ตกดินเลย และอยากบอกว่า จุดนี้พระอาทิตย์ตกดินสวยมากๆ Vanilla Sky อะ พอฟ้าค่อยๆมืดลง เมืองเริ่มเปิดไฟ ก็ได้เห็นวิวสวยๆไปอีกแบบ รักที่นี่มาก ถ้ามาสิงคโปร์อีกก็จะมาที่นี่อีกแน่นอน :)
SUPERTREE GROVE, GARDENS BY THE BAY
เราออกจาก Marina barrage ประมาณทุ่มกว่าๆ เดินมาดูการแสดงไฟจาก Supertree ที่ Gardens by the Bay เรื่องความอลังการงานสร้างของแสงไฟเนี่ย เรายกให้สิงคโปร์เลยจริงๆ ไฟจะเล่นตามจังหวะของดนตรีไปตามแต่ละส่วนของต้นไม้ยักษ์ ดนตรีแต่ละซีซั่นก็จะไม่เหมือนกันด้วย คือถ้ามาอีกรอบ ก็ไม่ได้ดูโชว์เดิมนี่ละนะ
การแสดงไฟที่นี่มีทุกวัน วันละ 2 รอบคือ 7.45 และ 8.45 ไม่ต้องเสียค่าเข้านะ เดินเข้ามาดูได้เลย แต่ถ้าอยากเดินขึ้นไปบนทางเดินลอยฟ้าต้องเสียตังค่ะ
คืนนี้เรามีนัดกับเพื่อนสิงคโปร์คนนึง ที่เคยเจอกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว “ซอง เป็นนักเรียนศิลปะ เพ้น StreetArt ในหลายๆจุดทั่วสิงคโปร์มาแล้ว(เคยเขียนไว้ในลิ้ง นี้ http://www.highondreams.com/travel/singaporeonstreet/ ) เราติดต่อให้นางพาเราไปที่ที่คนสิงคโปร์ไปกันหน่อย อยากเจอโลค้อลอะ 555 แล้วนางก็พามาที่นี่ค่ะ
THE SUBSTATION
ที่นี่เหมือนเป็น ART GALLERY และเป็น BAR ในตึกแถวใกล้มหาลัย ย่าน MRT Cityhall เป็นที่รวมตัวของชาวอาร์ท ก็เพื่อนๆนางนี่แหละ ทางเข้าจะมีเพ้นท์ผนังเต็มไปหมด แต่ใน the Substation จะมีร้านอาหาร+บาร์+ดนรตรีสด แยกออกมาอีกอัน ชื่อ Timbre@Substation
ซอง พาพวกเรามากิน PIZZA หน้าเป็ดสไตล์เอเชี่ยนอร่อยมาก ร้านนี้น่าจะมีแต่พวกเราแล้วแหละ ที่เป็นนักท่องเที่ยว ฮ่าๆ จะมีอะไรดีกว่านี้อีกนะ มีอาหารอร่อยๆให้กิน มีเครื่องดื่มดีๆ มีเพลงให้ฟัง มีหนุ่มให้ดู
HOBHEADS
ยังนะ คืนนี้ยังไม่จบ ซองพามาต่อที่คลับโลคอลอีกที่นี่นึง ชื่อ Hopheads เป็นร้านลับๆซ่อนอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมหนึ่ง ซองบอกเป็นบาร์ฮิปสเตอร์ วัยรุ่นสิงคโปร์ชอบมา มี Jenga ยักษ์ ให้เล่นด้วย (เกมส์ตึกถล่ม) หรือสนุ๊กเกอร์ ปิงปอง ป้าเป้า ไพ่โป๊กเกอร์ เกมส์ลูกเต๋า สนุกกันไปยาวๆเลยจ้าาาา ใครกำลังหาร้านนั่งดื่มแบบสนุกๆ พบปะคนท้องถิ่น เราแนะนำที่นี่เลย
ต้องขอบคุณ ซองที่พามาเปิดโลกครั้งนี้ด้วยนะ มาไทยเดี๋ยวเราจะพาเที่ยว อิอิ (ซองคนซ้าย)
DAY3
BUS
วันสุดท้ายแล้ว เราเก็บของเช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทล ละออกมาเที่ยวตามแพลนต่อ คราวนี้เราจะนั่งรถบัสกัน การขึ้นรถบัสของที่นี่กำหนดชัดเจนว่าต้องขึ้นประตูหน้า และลงประตูกลางเท่านั้น อย่าผิดนะ เพราะมันต้องใช้บัตรตื๊ดทั้งขาขึ้นขาลงด้วย ใช้ Aplication LRT ที่โหลดก่อนมา หารถสายสายที่ผ่านจุดที่เราจะไปได้เลยฮะ
JOO CHIAT ROAD
ว่ากันว่าที่นี่กำลังจะกลายเป็นแหล่ง Hipster แห่งใหม่ในสิงคโปร์ ก็เลยลองมาดู เอาจริงๆ ไม่แน่ใจว่า Hipster นี่มันหมายถึงอะไรอะ ถ้าจะหมายถึงคาเฟ่เก๋ๆ เมืองเก่าชิคๆ ถ่ายรูปสวยๆ ก็ที่นี่แหละถูกแล้ว Joo Chiat Road ถนนเส้นนี้มีคาเฟ่เก๋ๆเยอะ ไม่เท่า Haji lane แต่ตึกแถวทรงโคโลเนียลยังดึงดูดให้คนอย่างเรามาเที่ยวได้อยู่ดี
LOCATION : https://goo.gl/maps/NxJVj2MEBML2
สิ่งที่น่ารักน่าดู ของที่นี่คือ มันจะมีโซนบ้านเก่าสไตล์เปอนารากัน ที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริงๆ ไม่มีร้านรวงหรือคาเฟ่มาบัง ดีเทลลวดลายบ้านละเอียดยิบ มันเป็นบ้านแถวยาวๆติดกัน ทั้ง 2 ฝั่งถนนเลย ถ่ายรูปสวยด้วย ก็เพราะมันเป็นบ้านจริงๆ เข้าไปถ่ายก็รักษาความเป็นส่วนตัวของเค้าด้วยเนาะ อย่าเข้าบ้านมั่วหละ
CHOICE CUTS COFFEE + RECORDS
เราแวะร้านกาแฟร้านหนึ่งใน Joo Chiat Road เข้าไปเติมพลังซํกหน่อย ชื่อร้าน CHOICE CUTS COFFEE + RECORDS แค่ชื่อร้านก็น่าเข้าละ เพราะเห็นว่ามีแผ่นเสียงขายด้วย พอเข้ามาก็ประทับใจกว่าเดิมเพราะไม่ใช่แค่แผ่นเสียง แต่มาเป็นเครื่องสแครชแผ่นเลย คือมันเหมือนร้านเอาไว้จัดงานอินดี้เล็กๆ เปิดดนตรี นั่งดื่ม สนทนากัน ตอนกลางวันขายกาแฟ กลางคืนขายเบียร์ ไรงี้
เพลงดีๆเพียบ เพลงไทยรุ่นเดอะก็มี
LOCATION : https://goo.gl/maps/VPVWb1JPfNK2
House of Tan Teng Niah , Little India
Move จากบ้านเปอรานากันมาที่บ้านอินเดียค่ะ เดินจาก MRT Little India มาไม่ไกลจะเจอบ้านหลังนี้ เราชอบตรงสีสันคัลเลอร์ฟูล มันเป็นเอกลักษณ์ของเค้าจริงๆนะ สเน่ห์ที่ชาติใหนก็ทำตามไม่ได้ มาที่นี่เดินถ่ายรูปสนุกค่ะ คนที่นี่ก็แอบบ้ากล้อง พอเห็นพอเราถือกล้องก็เดินมาชูสงนิ้วหน้ากล้องละ
แต่จะบอกว่าบ้านนี้เป็นของอินเดีย 100% คงไม่ถูกนัก เพราะเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ที่นี่ถูกสร้างโดยพ่อค้าชาวจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในย่าน Little India แต่ก็ได้ปิดตัวลง หลังจากนั้น House of Tan Teng Niah ก็ได้ถูกรีโนเวท ซ่อมแซม ทำสีใหม่ และได้รับรางวัล Singapore Institute of Architects Honourable Mention Award in 1991 จนกลายเป็นแลนมาร์คแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ (ต้องให้เครดิตสีสันของชาวอินเดียเค้าหละ)
(ข้อมูลจาก http://www.ghettosingapore.com/residence-of-tan-teng-niah-chinese-industries-in-early-little-india/)
LOCATION : https://goo.gl/maps/xVqWtHiV3VR2
จาก Little India แพลนต่อไปเราคือ Haji Lane จริงมันก็นั่ง MRT หรือ LRT ไปก็ได้แหละ แต่เราก็ตัดสินใจเดิน ไม่ได้อยากประหยัดหรืออะไรนะ แต่เราคิดว่าย่านนี้น่าจะมีอะไรน่าสนใจระหว่างทางเดินอีกเยอะ เช่น Grafiti อย่างนี้เป็นต้น
เราแว๊บเข้าไปดูงาน Street Art ของซอง เพื่อนชาวสิงคโปร์ ที่นางมาวาดไว้บนถนน Aliwal Street ใกล้ๆกับ Haji Lane นางฝีมือดีขึ้นเยอะเลย แต่ครั้งนี้เราไม่ได้มาวาดเล่นเหมือนครั้งที่แล้วแล้ว เพราะซองนางแฮงค์จากเมื่อวาน ตอนนี้ยังนอนอยู่บ้านอยู่เลย ฮ่าๆๆ
MUSCAT STREET
ย่านตะวันออกกลาง ถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรงยาวขนาบไปด้วยร้านค้า บาร์ ชิชา และมีมัสยิดสุลต่านเป็นแลนด์มาร์ค มีที่นั่งที่ออกมาตั้งเรียงรายข้างถนน ตรงนี้น่านั่งเล่นมาก เหมือนอยู่ในตุรกี รอแดดร่มลมตกมานั่งเล่น ชิลแน่นอน
HAJI LANE
ถนนเส้น Hipster ที่นี่จะมีร้านขายของชิคๆ และบาร์เก๋ๆ ตั้งเรียงรายตลอดทั้งเส้น มาสิงคโปร์รอบที่แล้วเราพักก็ย่านนี้แหละ เป็นย่านโปรดของเรา ประมาณช่วงเย็นๆคนจะเยอะ แต่ถ้ามาช่วงเช้าๆ อากาศดีๆ ถ่ายรูปถนนเส้นนี้ได้เต็มที่ ไม่ติดคนเลย เราเก็บ Haji lane ไว้เป็นสถานที่สุดท้ายของทริปก่อนบินกลับไทย เพราะจะได้นั่งชมบรรยากาศจิบเบียร์ชิวๆ ลากยาวไปจนถึงเวลาขึ้นเครื่องเลย เป็นการปิดทริปสิงคโปร์ 3 วันได้ดีทีเดียว อิอิ
GOOD BYE SINGPORE
เรามาถึงสนามบินตอน 2 ทุ่ม เตรียมตัวขึ้นเครื่องรอบสุดท้ายกับสายการบินแอร์เอเชียเหมือนเดิม รอบ 22.10 น. จะถึงประเทศไทยตอน 23.30 น. เวลาดีได้เที่ยวเต็มวัน แล้วก็ยังมีเวลากลับบ้านพักผ่อนนอน เตรียมตัวไปทำงานต่อในเช้าวันจันทร์ด้วย ที่นี่เป็นสนามบินที่ได้รับรางวัล World’s best airport ติดต่อกันมา 6 ปี แล้ว เวลามาเหยียบสนามบินนี้ก็จะตื่นเต้นหน่อยๆ
เค้าเตอร์สายการบินแอร์เอเชีย ก็ไม่ต้องไปเข้าแถวต่อคิวเช็คอินแล้วด้วย เพราะเค้าเตรียม Kiosk สำหรับ Self Check in รวมถึงปริ๊น Tag ติดกระเป๋า แปะใส่กระเป๋าเอง แล้วยกไปชั่งน้ำหนักเองที่เครื่องโหลดกระเป๋า ทำเองสนุกดี เรียนรู้เอาไว้ แต่ถ้าใครยังโก๊ะๆ งงๆ ก็ไปต่อเข้าแถวที่เช็คอินกับเค้าเตอร์ได้ค่ะ
หลังกลับจากทริป ละย้อนดูรูปที่ถ่ายมา เราว่าสิงคโปร์ไม่ได้เจริญแค่สิ่งก่อสร้าง แต่เจริญด้านสิ่งแวดล้อมด้วย บางคนอาจจะคิดว่าเที่ยวเมืองใหญ่มันก็มีแต่ตึก แต่ที่นี่ไม่ เพราะพื้นที่สีเขียวในสิงคโปร์ แทบจะแทรกตัวอยู่ทั่วทุกมุมเมือง บนตึก บนระเบียง บนบ้าน บนหลังคา มีสวนในสวนอีกที และมีอะไรให้ทำอีกเยอะ สำหรับเราแล้ว สิงคโปร์ไม่ได้มีแค่สวนสนุก universal หรือ Merlion แต่เป็นเมืองที่เหมาะกับการมาหา Inspiration มาเปิดหูเปิดตา สัมผัสสิ่งใหม่ๆ เพราะมาแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกันซักครั้งเลย
ลองเอาเวลาเดินห้างที่พารากอน มาเดินเล่นที่ Gardens by the bay เอาเวลาดูหนังที่เมเจอร์ มาปิกนิกที่ Marina Barrage เอาเวลาปาร์ตี้ที่ทองหล่อ มาชนแก้วที่ Haji lane ลองเอาวันหยุดที่มี ไปเที่ยวที่สิงคโปร์ดูสิ ครั้งเดียวไม่พอหรอก อิอิ
และนี่ก็เป็น “สิงคโปร์” ในแบบของเรา
เจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ
ต้นอ้อ