ตั้งแต่เกิดมา ไปภาคเหนือเป็นสิบกว่ารอบแล้ว แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวปาย หลายคนบอกว่า มันไม่มีไรเลย ไม่เก่า ไม่สงบ ไม่เหมือนเดิมแล้
แล้วจะ ‘ ปาย ทำ ไม ‘
ไม่รู้ดิ เหมือนเดิมคืออะไรยังไม่รู้เลย….
ประจวบเหมาะกับ เรามีงานที่เชียงใหม่คืนวันอาทิตย์ เลยได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กทม – เชียงใหม่ มาฟรี แหะๆ ขอแว๊บไปนอนเล่นที่ “ปาย” ซักคืนแล้วกันนะ :P
ทริปนี้เราถ่ายรูปมาไม่ค่อยเยอะ แค่อยากเล่า อยากเขียนเก็บไว้ แต่ไม่อยากอ่านคนเดียว ก็เลยเอามาแชร์ให้ฟัง เผื่อแกว่าง ก็เปิดอ่านเล่นฆ่าเวลาไปเนอะ
:)
ออกเดินทางสู่ “ปาย”
ขอเริ่มที่ 9 โมงเช้า ออกจากสนามบินเชียงใหม่มา เราต้องนั่งรถแดงต่อไปอาเขต (โดนไปตั้ง 100บาท ฮือๆแพง ไม่รู้ว่าโดนหลอกมั้ยนะ ก็เค้าไม่เคยขึ้นมาก่อนอ่า ไม่รู้ต้องทำไง) และต่อรถตู้จากอาเขตไปปายอีก 3 ชั่วโมง(150 บาท) เราได้ที่นั่งแถวหลังสุด ริมหน้าต่างเลย เพราะมันเหลืออยู่ที่เดียว ที่นั่งนี้ถือว่าเป็นที่นั่งปราบเซียน นั่งแล้วเมาที่สุดในรถตู้เลยก็ว่าได้ 555
จัดไปค่ะ หลับตลอดทาง เพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน จะกี่โค้งกี่ตลบก็ว่ามาเลย หลับสู้แม้หัวจะโขกหน้าต่าง เราเป็นพวกนกฮูกนอนตื่นสาย หลับลึก พอมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนเช้า ก็กลัวจะไม่ตื่น ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการไม่นอนค่ะ ทำให้ต้องมานอนบนรถนี่แหละ มันไม่ดีเลยนะ ทำให้หน้าแก่ไว ฮือๆ
เราหลับยันบขส.ปายเลย พอลงมาก็งงดิทีนี้ คนเยอะมวาก มีแต่ฝรั่ง
ไปไงต่อ เอ๋อคับ
ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ หาร้านเช่ารถมอไซด์ ไว้ขับหาที่พัก เจอร้านนึง 140 บาท โอ้โหวว ถูกมวากกกก สถานที่ท่องเที่ยวที่อื่นส่วนใหญ่จะ200upหมด นี่มันเป็นจุดเริ่มต้นของทริปที่ดีมากๆ ดีใจๆ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า มันก็ราคาเท่านี้ทุกร้านแหละ ฮ่าๆ)
หลง
หลังจากฟินกับมอไซด์ 140 แล้ว ก็ขับไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะเปิดแมป เพราะคิดว่ามันเมืองมันเล็กๆน่าจะไปง่าย เลี้ยวโน้น นั่นนี่ เดี๋ยวจะเจอสะพาน แล้วเลี้ยวนี่นะ ละก็เจอโซนที่พักแล้ว มโนเข้าไปจ่ะ
พอรู้ตัวอีกที ก็เข้าป่าเข้าดง ไปไหนก็ไม่รู้ มีแต่ภูเขาล้อมรอบ ไหนอยู่ไหนสะพานฟระ ขับมั่วมาก เพราะอิความคิดที่ว่า “หลงทางแค่เสียเวลา ถึงช้าหน่อย แต่ได้เห็นอะไรมากขึ้น” ห่า กุหลงทางมาไกลแล้ว เห็นแต่ป่ามาจะชั่วโมงละ ไปเอาความคิดนั่นมาจากไหน!!! เปิดแมปขึ้นมาก็พบว่า นี่กุออกนอกเมืองมา 8 กิโลแล้ว!!!
แต่ก็ไม่ปฏิเสธนะ ว่าทางที่หลงมาเนี่ย โคตรจะสวย มันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากในเมืองเลยหละ เราถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา และทุ่งนา เหมือนเรามาถึงปายจริงๆ เมืองเล็กๆกลางหุบเขา 360องศา แอร๊ยยย โลกสวยเหลือเกิ๊นนนนนะแม่คุณ
กลับเถอะ แกรร
นี่จะขับไปพม่าหรือไง
จึงต้องตัดสินใจหันรถกลับมาทางเดิม
คุณนายตื่นสาย
มีที่พักที่เล็งไว้ที่นึง ชื่อว่า “คุณนายตื่นสาย” สุดแสนจะภาคภูมิใจ ที่พักนี้มันถูกสร้างมาเพื่อเราจริงๆ ตั้งใจว่าจะไม่พักในเมือง อยากอยู่แบบสงบๆ และที่นี่ใช่เลย ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาเลยหละ คือ ตั้งแต่ขับหลงมาจนเจอที่นี่ ยังไม่รู้เลยว่าเมืองมันอยู่ไหน 555
มีห้องว่างพอดี เราเลือกห้องพัดลมริมรั้ว วิวทุ่งนา ห้องน้ำรวม ทั้งเกสเฮ้าส์ มีกระต๊อบเล็กๆ 5 หลัง ด้านหน้าเป็นร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่เล็กๆ เหมือนพี่เค้าจะทำเซรามิกด้วยนะ มีแก้วกาแฟน่ารักๆเต็มเลย
หลังจากเก็บของเข้าห้องเรียบร้อย พร้อมสำหรับชีวิตช้าๆชิลๆ ตามคอนเสปของคุณนายตื่นสาย เราออกมาตรงลานรวมกลาง สั่งน้ำปั่นซักแก้ว พอสดชื่น ขึ้นไปนอนเปล หยิบหนังสือมากะจะอ่าน
สุดท้ายก็
.
.
.
.
หลับ
.
.
.
.
ส่วนใหญ่เวลาเราไปพัก เราจะชอบวอคอินมากกว่า บางที่ก็เล็งไว้จากเว็บมาก่อน บางที่ก็เดินหาเอาดื้อๆอย่างนั้นเลย เราอยากเห็นที่พักจริง ห้องจริง บรรยากาศจริงๆ ค่อยตัดสินใจ
ข้อดีคือ วอคอินอาจจะได้เจอเจ้าของตัวเป็นๆ แล้วได้ที่พักถูกกว่าในเว็บอีกกกก อิอิ ข้อเสียคือ ที่พักที่เล็งไว้ เต็ม!!!
^___^
ขับรถไปเรื่อยเปื่อย
ตื่นมาอีกที 4 โมงเย็น นอนอิ่มพอดี
มาปายทั้งที ออกไปไหนหน่อยมั้ยแกร ก็เลยไปคุยกับพี่เจ้าของเกสเฮ้าส์ ขอแผนที่ แล้วพี่เค้าก็แนะนำเส้นทางขับมอไซด์เที่ยวเส้นใกล้ๆเมือง หรือเทียบได้กับ package tour 1day trip มูลค่า 500 บาทที่มีขายในถนนคนเดิน แต่ของเราเป็นแบบขับเที่ยวเอง package tour 3 hours trip กลับให้ทันก่อนฟ้ามืด
ไม่หลงนะไม่หลง มีแผนที่แล้ว
ที่แรกอยากไปโป่งน้ำร้อนท่าปาย (PAI Hot Spring) มีป้ายบอกทางอีก 5 กิโลจะถึง
ขับไปเรื่อยๆ
เรื่อย
เรื่อย
เรื่อย
เรื่อย
เรื่อย
มันใช่หรอแกรรร (ถามตัวเอง)
นี่ขับมานานแล้วนะ ยังไม่ถึงอีก ข้างทางนี่เดี๋ยวก็ป่า เดี๋ยวก็เขา ความรู้สึกนี่มันคุ้นๆนะ กลัวว่าจะหลงอีก เลยจอดดูแผนที่ เราไม่ค่อยเชี่ยวเรื่องดูแผนที่เท่าไหร่อ่ะ ยิ่งดูยิ่งหลง แล้วก็มีแก๊งฝรั่งขับมอไซด์ผ่านเราไป เซ้นท์มันบอกว่า
‘ตามเค้าไปเถอะ อย่าดูเลย แผนที่อะ เดี๋ยวจะไปโผล่พม่าอีก’
บ่อน้ำร้อนท่าปาย
ถึงแล้วนะ บ่อน้ำร้อนท่าปายเดินเข้าไปอีก 300 เมตร ก็จะถึงบ่อ เค้าจะเป็นแบ่งชั้นๆ แต่ละชั้นความร้อนก็ต่างกันไป ยิ่งต้นน้ำ ยิ่งร้อน แต่เราไม่ได้เอาชุดลงน้ำมา เราเลยเลือกเอาเท้าไปจุ่มก็พอ
ที่ 35 องศา
อูยยยย
ร้อนนนนะ
แต่สบายทีนมาก
อยากจะลงไปทั้งตัว
ถ้าได้มาแช่ตอนอากาศหนาวๆ คงจะฟินแน่ๆ
เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่เที่ยวคนเดียว แต่มันก็ยังไม่ชินซักที เวลาเจอคนเยอะๆ ฮ่าๆ เหมือนโรคจิตเนอะ มาคนเดียวแล้วกลัวคน จริงๆเราก็เลือกเองแหละ ก็แค่อยากตามใจตัวเอง
กองแลน ปายแคนยอน
ที่กองแลนตอนนี้คนเยอะมาก และพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกแล้ว เราเดินวนหาที่นั่งพยายามให้ไกลจากกลุ่มคน แต่มันหวาดเสียวเกินไป ไกลกว่านี้ไม่ได้แล้วหวะ แถมโดนพี่เจ้าหน้าที่ตรงทางเข้าขู่ไว้อีก ว่ามีฝรั่งตกเขา เพิ่งช่วยขึ้นมาได้มะกี้
ค่ะพี่ค่ะ – -”
เช้าวันใหม่
วันนี้คุณนายตื่นสายอย่างเรา ตื่นเช้านะ มีหมอกเยอะเลย ทุ่งนาสีทองข้างๆกระต๊อบเรา ดูเหมือนทุ่งข้าวสาลีต่างประเทศเลยทีเดียว
จุดชมวิววัดแม่เย็น ,ปาย
สิ่งที่เรามองไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ #ความรักก็เช่นกัน
กาแฟช้างเผือก
เราเป็นคนนึงที่ชอบเข้าร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ แต่ไม่กินกาแฟ กินไม่เป็น ขม ไม่อร่อย เวลาง่วงมากๆ นี่คือเอ็มร้อยอย่างเดียวเลย เข้าร้านกาแฟทีไร ก็เลยต้องสั่งนม แต่ถ้าร้านกาแฟมีเบียร์นี่จะดีมากๆเลย ใครมีที่ไหนโปรดบอกพิกัดมาโดยพลัน เราจะตามไป :P
KOH CHANG ALONE but not LONELY | กะโหลกกะลาเที่ยว “เกาะช้าง” คนเดียว อะโลนแต่ไม่โลนลี่
ออกจากร้านกาแฟ ก็มุ่งหน้าไปที่โป่งน้ำร้อนอีกครั้ง มโนว่าจะไปแช่ออนเซ็น ระหว่างทางยังมีหมอกคลุมท้องฟ้าอยู่ อากาศดีเลยทีเดียว ไม่หนาว ไม่ร้อน ชอบเส้นทางนี้ที่สุดแล้ว
แช่ออนเซน
หลังจากแช่ออนเซนสบายใจเรียบร้อย แถวนั้น จะมีซุ้มสวัสดิการขายน้ำ ชา กาแฟ และไข่ ก็เลยซื้อไข่ไปลวกเป็นอาหารเช้า(รอบ2) ที่โซนน้ำเดือด
บึ่งรถกลับที่พัก ไปเปลี่ยนชุด เก็บของ แล้วร่ำลาพี่เจ้าของ ‘คุณนายตื่นสาย’ พี่บอกว่า “น้องตื่นเช้าจังเลยนะ” ฮ่าๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ทุกทริปที่เคยไปนี่ตื่นสายหมด ยกเว้นทริปนี้แหละค่ะ
บ๊ายบายนะ บ้านคุณนายตื่นสายยย
หวานเย็นกลับเชียงใหม่
รถหวานเย็นจากปายไปเมืองเชียงใหม่ มีรอบเดียว คือ เที่ยงตรง ตั้งใจมาก ว่าอยากจะลองหวานเย็นซักครั้ง
เนื่องจากมันมีรอบเดียวต่อวัน เป็นแบบจ่ายเงินบนรถ ไม่ต้องจองที่นั่ เราขึ้นไม่ทันชาวบ้านโปรๆทั้งหลาย ที่นั่งเต็มหมดแล้ว T_T แต่ก็ยังไม่หมดความพยายาม ขอพี่คนขับจะไปด้วยให้ได้ ก็เลยได้ตำแหน่งนี้มา
ที่นั่งประจำของเมียคนขับ 555
ที่นั่งเมียคนขับ
เป็นที่นั่งข้างหน้าสุด ข้างคนขับเลย มันไม่มีที่พิงนะ เวลารถขึ้นเขา ต้องใช้ความสามารถในการทรงตัวสุดๆๆ นึกออกใช้มั้ย ระหว่างทางปาย-เชียงไหม่ 100 กว่ากิโลเมตร 1000 กว่าโค้ง 5 ชั่วโมง พยายามหลับแล้ว จะกลิ้งตกเก้าอี้ทุกที ปราบเซียนยิ่งกว่ารถตู้ที่นั่งขามาอีก บอกเลย
แต่เราไม่อ้วกนะ
ไม่รู้นะ ที่ใครหลายคนบอก ปายไม่เหมือนเดิมแล้ว
ถ้าจะไม่ไปเพราะมันไม่เหมือนเดิม คงไม่ใช่เหตุผลของเราหรอก สำหรับเรา เราว่ามันยังสวยงามอยู่ มันยังเป็นเมืองเล็กๆ หลางหุบเขาที่น่าสนใจอยู่ ป่า เขา แม่น้ำ ที่เราเห็นก็ยังสมบูรณ์ดี มันสบาย มันชิล อย่างบอกไม่ถูก มันขึ้นอยู่กับว่า คนที่ไปเค้าอยากได้อะไรจากที่นี่ แล้วเค้าหามันเจอรึป่าว เราว่าเราเจอนะ ถึงไปแค่วันเดียว แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราชอบปายได้ และอยากกลับมาที่นี่อีกครั้ง (แน่สิ วันเดียวมันจะไปพออะไร)
หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ เราก็ไปอีกรอบค่ะ แต่ไม่ได้ไปคนเดียวละนะ อยู่ยาว เที่ยวยับเลยแหละ !!
ฮ่าๆๆ
และนี่ก็คือทริปเที่ยว “ปาย” ในแบบของเรา
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ
ปาย แล้ว นะ
บ๊ายบาย
ต้นอ้อ high on dreams :}