Moreton Island เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่ควรมา เมื่อมา เที่ยวบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย
เกาะมอร์ตัน เป็นเกาะทรายที่มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของโลก ได้ยินก็โอ้โหละ (the world’s third-largest sand island) เกาะมีรูปทรงยาว ถ้าขับจากเหนือสุดเกาะ ไปใต้สุดเกาะ มีระยะทางที่ 37 กม. มีธรรมชาติสมบูรณ์มาก 95% ของเกาะเป็นอุทยานแห่งชาติ มีเพียง 5% เท่านั้นที่ถูกก่อสร้าง เป็นบ้านพักและรีสอร์ท แต่ก็ยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้งในน้ำและบนบก เช่น เล่นแซนด์บอร์ด ตะลุยทะเลทราย ดำน้ำดูปะการัง ชมวิวจากเฮลิคอปเตอร์ ขับATV เล่น Segway ดูโลมาธรรมชาติแบบใกล้ที่สุด นั่งเรือดูปลาวาฬสีหลังค่อม โต้คลื่น Roadtrip รอบเกาะ และอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ
กิจกรรมเยอะขนาดนี้จะไม่ลองไปก็ยังไงอยู่ มาค่ะ เราจะพาไปชม Moreton Island ในเวอร์ชั่นรีวิวเต็มๆ กัน
HOW TO GET MORETON ISLAND
การเดินทางมาที่นี่ สามารถขึ้นเรือได้ ที่ Tangalooma ferry terminal ปักหมุดไป Holt Street Wharf เมือง Brisbane เป็นเรือคาตามารัน มีเรือออกวันละ 4 เที่ยว คือ 7am / 10am / 12pm / 5pm เดี๋ยวแปะตารางเดินเรือทั้งขาไปขากลับไว้ข้างล่าง ต้องเข้ามา Check-in 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเรือออก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็ถึงท่าเรือของ Tangalooma Island Resort สามารถซื้อแบบแพคเกตเรือพร้อมที่พัก หรืออาจจะแบบ Camping เอง หรือจะ Oneday trip ไปเช้าเย็นกลับ ก็ได้เหมือนกัน
ขอแนะนำเล็กน้อย ท่าเรือ Tangalooma อยู่ห่างจากสนามบินบริสเบนแค่ประมาณ 15 นาที ใกล้กว่าเข้าเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะแพลนให้ดีๆ คือเมื่อบินมาถึง Brisbane แล้ว เรียกแทกซี่ตรงเข้าเกาะเลย จะง่ายกว่านั่งรถไฟเข้าเมืองแล้วต้องเข้าเกาะอีกที ที่ท่าเรือไม่มีรถไฟผ่านเด้อ สถานีรถไฟที่ใกล้ท่าเรือที่สุดก็เหงาๆ หาแทกซี่ยาก เราผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้ว
WHEN IS THE BEST TIME TO GO?
เกาะมอร์ตันเปิดให้เที่ยวได้ทั้งปี ความสวยงามและกิจกรรมต่างไปตามฤดูกาล
- เดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม
เป็นช่วงหน้าร้อน อุณหภูมิประมาณ 22-30 องศา คือเป็นอากาศที่เที่ยวทะเลสบายมากๆ วิ่งลงน้ำชิลๆ - เดือนมิถุนายน – ตุลาคม
อากาศจะเริ่มหนาวขึ้น อุณหภูมิประมาณ 12-22 องศา จะคิดหนักถ้าจะต้องทำกิจกรรมที่ตัวเปียก แต่ความดีงามของฤดูกาลนี้คือมีรโอกาสได้เห็นปลาวาฬหลังค่อม (Humpback whale) เป็นฝูงว่ายผ่านเกาะ
เราเคยมาที่นี่ 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกคือเดือน พฤษภาคม อากาศดีมาก ลมเย็นๆ 24-25 องศา กลางวันเสื้อกล้าม ตอนกลางคืนต้องสวมแจ็คเก็ต แต่ไม่ได้ลงน้ำ เพราะมันเย็นไปนิส ส่วนครั้งนี้ครั้งที่สอง เดือน พฤศจิกายน ร้อนกว่าครั้งแรกแต่ไม่เหงื่อ โดดลงน้ำสบาย กิจกรรมทางน้ำเหมาะกับช่วงเดือนนี้แหละ ถ้าจะมีโอกาสมาอีกรอบขอเป็นช่วงที่มีวาฬหลังค่อมแล้วกัน
INFORMATION
ดูวิธีเดินทางได้ที่นี่: https://www.tangalooma.com/location-transport/brisbane-river-departure-wharf
ตารางเดินเรือ : https://www.tangalooma.com/location-transport/moreton-island-ferry-resort-schedule
ferry terminal location : https://goo.gl/maps/5fzJGWwGiFLUNk1X9
Tangalooma Island Resort
พอมาถึงเกาะแล้ว สิ่งแรกที่จะมาต้อนรับทุกๆคนคือ น้องนกพิลิแกน PILIGAN รอทักทายทุกคนที่เดินผ่านท่าเรือนี้ น้องเป็นนกคางทูม ปากห้อย เหมือนในการ์ตูน ที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสเห็นตัวเป็นๆแบบนี้ น้องน่ารักค่ะ ถ้ามาถึงช่วงเที่ยง จะได้เห็นตอนพนักงานให้อาหารน้อง
หลังจากนั้นก็เข้า Check-in เข้าห้องพัก เราจะอยู่ที่นี่ 3 วัน 2 คืน
Tangalooma Island Resort เป็นรีสอร์ทเดียวในเกาะมอร์ตัน พื้นที่รีสอร์ทขนาดใหญ่มาก เดินจากท่าเรือไปห้องก็ 10 นาทีอยู่นะ 555 รีสอร์ทตั้งอยู่เรียบชายหาด ด้านหลังเป็นอุทธยานธรรมชาติโคตรๆ มีหลายตึก ทั้งแบบห้องพักและวิลล่า สำหรับ 2 คน / ครอบครัว 4 คน / 6 คน / 8 คน ยัน 12 คน ที่พักเห็นวิวทะเลเกือบทุกห้องจ้า
TANGALOOMA ISLAND RESORT INFORMATION
จองห้องพักที่นี่ https://www.tangalooma.com
LOCATION : https://goo.gl/maps/5NkmNwNZwsbs37th8
ส่วนห้องเราเป็นห้อง Family Suite มีห้องนอนแยกอีกห้องนึง มีระเบียง ครัว โต๊ะทานอาหาร โซฟา ทีวี ครบเครื่อง ชอบความตกแต่งสไตล์ Tropical ของห้องนะ แต่เอาจริงๆ ไม่ค่อยได้อยู๋ห้องเท่าไหร่ ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกซะมากกว่า เพราะที่นี่เค้าเป็นเกาะที่เน้นกิจกรรม Adventure ค่ะ
THE TANGALOOMA WRECKS
จุดเด่นของ Moreton Island คือมีซากเรือจม 14 ลำ(นับด้วยตาตัวเอง) เรียงติดกันเป็นแนวยาวขนานกับเกาะ เค้าบอกมาว่าซากเรือที่เห็นนี้ เอาไว้เป็นแนวกันคลื่นไม่ให้ซัดมาทำลายเกาะซึ่งเป็นทราย อีกทั้งยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เพาะปะการังสวยๆ ให้ดำน้ำลงไปดู
ภาพมุมสูงที่เห็นนี้เราไมไ่ด้ปล่อยโดรนนะคะ ที่นี่มีกฏที่เข้มมากๆ ห้ามปล่อยโดรน ภาพนี้เราถ่ายเองจากเฮลิคอปเตอร์ของรีสอร์ท ด้วยความอยากเป็นต้นอ้อสกายนิว คำนวนราคาดูแล้วตกประมาณ 2,xxx บาทต่อคน (จำราคาแม่นๆไม่ได้) คือคิดว่าถ้าไม่ใช่ครั้งนี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสไปขึ้นอีกเมื่อไหร่แล้วหละ 555
TANGALOOMAHELI
สำหรับแพคเกต Helicopter มีหลายแบบต่างกันที่เวลา ขึ้น 6 นาที / 15 นาที / 30 นาที ขึ้นได้ทีละ 3 คน (คนละ 2,xxx บาท นี่คือต้องหาร 3 คนนะ) แพคของเรา 6 นาทีถูกที่สุดแล้วจ้า อาจจะฟังเหมือนแป๊ปเดียว ก็แป๊ปจริงๆแหละ แต่ได้เห็นวิวเหนือเรือจม เห็นน้ำทะเลไล่สีฟ้า เห็นหาดทราย เห็นทะเลทรายบนเกาะ คือสวยมากๆๆ ถ้าตาดีมากๆ อยากให้ลองมองเพ่งลงไปในน้ำทะเล ถ้าโชคดีจะเห็นเต่า เห็นพยูน บางฤดูกาลคือเห็นปลาวาฬหลังค่อม กรี๊ดด แค่นี้ก็คุ้มมากแล้วค่ะแม่ ในราคานี้ 10/10
Snorkel the Tangalooma Wrecks
อีก Activitie ที่เราเลือกคือ แพคเกตดำน้ำสนอคเกิ้ล ตรงกลุ่มเรือจมทั้ง 14 ที่เราเพิ่งเห็นมุมสูงมา แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว นี่เป็นการดำน้ำในทะเลออสเตรเลียครั้งแรกในชีวิต
โดยก่อนลงน้ำจะแบ่งเป็นกลุ่มๆกลุ่มละ 5-6 คนต่อ 1 ไกด์ เพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง และปลอดภัย ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์เป็น หน้ากากสนอคเกิ้ล ฟิน และ Wetsuit เต็มตัว ใครว่ายน้ำไม่แข็งรีเควสเสื้อชูชีพได้ จะบอกว่า Wetsuit นี่จำเป็นมากๆ เพราะซากเรือจมเป็นเหล็ก สนิมแหลมคม อีกทั้งยังมีปะการังคมๆมาเกาะเรืออีก ถ้าบังเอิญว่ายไปโดนเรือบาดนี่แผลไม่ทำธรรมดาแน่ๆค่ะ นอกจากกันเรือบาดแล้ว ยังกันความหนาวของน้ำทะเลด้วย น้ำเย็นเด้อ เพราะฉะนั้น ใส่ชุดว่ายน้ำข้างใน Wetsuit แล้วพอดำน้ำเสร็จค่อยถอดมาถ่ายรูปสวยๆ เนาะ
เราจะนั่งเรือออกจากฝั่งประมาณ 5 นาที ก็ถึงจุดดำน้ำแล้ว ตอนลงก็พยายามเกาะๆกลุ่มตัวเองไว้นะ จำหน้าไกด์ไว้ ไกด์คนหล่อๆอะ ฉันรับรองได้ว่าเธอจะหวั่นไหวกับไกด์ที่นี่แน่ๆ กรี๊ดดด
เค้าจะปล่อยเราจากเรือจมลำสุดท้าย แล้วค่อยๆไหลมาจนถึงลำแรก มันจะมีบางจุดที่น้ำแรง บางจุดก็ขุ่นๆ แต่โดยรวมคือปะการังเยอะมากๆๆๆๆๆ แบบแทบทุกอณูของเรือ ด้วยความที่มันเป็นเรืออะเนอะ มันจะมีห้อง มีหน้าต่างเรือ มีรูให้ส่องเยอะแยะไปหมด แต่ละรูเจอปลาซ่อนอยู่ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง สำหรับใครที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ก็มีชูชีพให้ และสามารถเกาะห่วงยางของพี่ไกด์หล่อไหลไปได้โดยไม่ต้องออกแรงเลยซักนิด
Desert Safari Tour with Sand Boarding
ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะทรายที่ใหญ่ติดหนึ่งในสามของโลกแล้ว ยังไงก็ต้องมีทะเลทราย นี่คืออีก Activity ที่ควรทำเมื่อมา Moreton island
ทัวร์ทะเลทรายจะมีรอบเช้า รอบบ่าย และรอบเย็น ทั้งสามรอบแดดเหมือนกันค่ะ ไม่ต้องคิดเยอะ เตรียมหมวก และทาครีมกันแดดแบบไม่เหนียวด้วย เดี๋ยวทรายติดผิว แล้วเราจะได้นั่งรถบัส 4W เข้าไปกลางทะเลทราย ที่มีเนินทรายที่เค้าว่าสูงที่สุดๆ เค้าจะแจกบอร์ดให้เราคนละแผ่น แบกขึ้นไปบนเนินทราย และถไลตัวลงมา ความมันส์มันอยู่ที่เนินมันชันมากอะดิ ตอนลงจะเสียวๆหน่อย เค้าว่าความเร็วบอร์ดจะเร็วได้ถึง 40km/hr เลยฮะ
ถึงแดดที่นี่จะร้อน แต่ทรายเย็นนะ
THE ISLAND ROADTRIP
การเช่ารถ 4x4WD ขับรอบเกาะ นี่เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เราชอบที่สุดเลยนะ มันเป็นการมาเที่ยวเกาะแบบเกาะจริงๆ ที่ไม่ต้องอยู่แค่ในรีสอร์ทอะ ได้เห็นส่วนอื่นๆ ของเกาะ ได้สำรวจ ซึ่งมันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากฝั่งที่รีสอร์ทตั้งอยู่ โดยเฉพาะคลื่นทะเล รีสอร์ทเราตั้งอยู่ฝั่งที่หันเข้าฝั่งบริสเบน น้ำทะเลนิ่ง สงบ และที่เรามาคือฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งนี้จะคลื่นแรงแบบเล่นเซิร์ฟได้เลย มีนักท่องเที่ยวขับรถมาตั้งแคมป์ริมหาดกันด้วย
เราขับไปบนหาดทรายกันเลยจ้าาา ถ้าจะขับอย่าลืมเช็คเวลาน้ำขึ้นลงมาด้วย เพราะมันจะมีบางจุดที่ ถ้าน้ำขึ้นสุดจะไม่สามารถขับผ่านได้ และคนขับต้องขับแข็งด้วยนะ บางจุดถนนเป็นทรายโหดมาก รถสไลด์ทรายเป็นว่าเล่น
บางช่วงจะเข้าป่า แน่นอนว่าถนนยังเป็นทรายอยู่
ระยะทาง 30 กว่ากิโลบนหาดนี้ ขับกันจนเมื่อยอะ แล้วสายตาเราก็ไม่เจอกับ คุณลุงเต่าตัวใหญ่ เลยเดินเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ
ปรากฏว่า น่าเสียใจที่ลุงไม่มีชีวิตแล้ว แง๊ๆ ตัวใหญ่มาก
MY LONELY TREE
ระหว่างทางมีเนินทรายนึงที่เราชอบมาก เป็นเนินทรายสูงๆสีขาว ที่มีต้นไม้เหงาๆ อยู่ 1 ต้น สงสัยอยู่เหมือนกันนะว่านางอยู่ได้ยังไง แต่ก็ถ่ายรูปสวยดี เราเรียกว่า Lonely Tree (แอบเรียกอยู่คนเดียว)
Mira Pool Lagoon
จริงๆรอบเกาะนี้มีจุดให้แวะเยอะมาก มีป่าโกงกาง ลากูนอีกหลายลากูน หลายหาด หลายแหลมชมวิว แต่เราต้องทำเวลาหน่อย ก่อนน้ำขึ้นแล้วจะกลับไม่ได้ เลยได้แวะปิกนิกแค่ที่ Mira Lagoon เอ้อ ก่อนมาเราสั่งแซนวิชจากรีสอร์ทมากินด้วย เพราะเดินทางช่วงเที่ยงพอดี แวะปูเสื้อปิกนิกคูลๆ
Mira Pool Lagoon เป็นแอ่งน้ำบนชายหาด แต่ไม่เชื่อมกับทะเลนะ เหมือนทะเลน้อย ที่ไม่มีคลื่น แวะดูก็ไม่เสียหาย มันเป็นทางผ่านพอดีค่ะ
The Gutter Bar
ระหว่างทางบนเกาะ มันก็ไม่ถึงกับธรรมชาติ 100% ซะทีเดียว มันมีส่วนที่เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆด้วย ไม่แน่ใจว่ามี Airbnb หรือปล่าวนะ แต่มันมีบาร์ด้วยจ้า ชื่อ The Gutter Bar ลองแวะสิคะ เหมือนเป็น Oasis ของเกาะ ที่นอกเหนือจากรีสอร์ทอะนะ
The Light House
จุดสุดท้ายที่เราแวะคือจุดชมวิวประภาคารที่เหนือสุดของเกาะ ที่นี่เค้าบอกว่าในฤดูหนาว จะมีกลุ่มปลาวาฬหลังอพยพว่ายผ่านจุดนี้เป็นพันๆตัว ไม่ใช่ในวันเดียวนะ สามารถเจอได้ทั้งฤดูกาล (JUNE – OCTOBER) และเราสามารถมองเห็นพวกนางได้จากจุดนี้ ใจจริงก็อยากเห็นสักครั้งในชีวิตจังเลย
WILD DOLPHINES
ในทุกๆเย็น ที่ท่าเรือของ Tangalooma Island resort จะมีปลาโลมาว่ายวนเวียนอยู่ เราสามารถขึ้นไปดูบนสะพานท่าเรือได้ มันน่ารักมากกกกก เค้าบอกว่า มีปลาโลมาประมาณ 20 ตัว เป็นโลมาธรรมชาติ มันมาเอง แต่ที่เราเห็นตอนนี้คือ 8 ตัว มาเป็นครอบครัวเลย ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ กิจกรรมให้อาหารปลาโลมา
บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยที่ให้อาหารปลา แต่สำหรับที่นี่เค้าดูแลโดย Tangalooma Island Resort Marine Education and Conservation Centre Eco Rangers เป็นกลุ่มให้ความรู้และอนุรักษณ์ธรรมชาติ ซึ่งอาหารที่เค้าให้ปลาโลมาเนี้ย เป็นเพียงแค่ 10% ของอาหารทั้งหมดที่โลมาต้องการต่อวันแค่นั้นเอง มันยังคงต้องหากินเองตามธรรมชาติอยู่ และยังมีกฏอยู่ว่า ห้ามแตะ ห้ามจับ ห้ามถ่ายรูปใช้แฟรช ปลามีสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง หากเค้ารุ้สึกว่ามันอันตราย เค้าจะไม่มาอีกเลย โลมาที่เข้ามาในท่าเรือนี้มีประมาณ 20 กว่าตัว แต่ละตัวมีชื่อหมดค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเค้าจำชื่อปลากันได้ยังไงเหมือนกัน
SUNSET
กิจกรรมสุดท้ายของทริปนี้ ง่ายๆแล้ว ไม่ต้อง Adventure แล้ว คือการหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมาดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินที่หาด สวยงาม ประทับใจ ได้กลับบ้านไปแบบฟูๆ (ตุนความสวยงามและความสุขไปเต็มตัวจนฟู)
RESTUARANT
ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ อาหาร ห้องอาหารของ Tangalooma มี 2 ส่วน ส่วนแรกคือ โรงอาหาร (เรียกซะนึกว่าอยู่โรงเรียน) อาคารนี้จะมีพวก Beach Cafe / BBQ / seafood / The Coffee Lounge / Breakfast line buffet และ บาร์ก็อยู่ที่นี่ ตั้งโต๊ะ Indoor & Outdoor รวมถึง Lobby เช็คอิน ฝากกระเป๋า ก็ที่เดียวกัน
Fire & Stone Restaurant
และอีกส่วนคือร้านอาหาร Fire & Stone ในส่วนนี้ก็จะเป็นอาหารที่ Premium ขึ้นมาหน่อย มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน และ Modern Australian cuisine เช่น สเต็กเนื้อออสเตรเลีย เสริฟบนหินร้อน เว่อวังมากค่ะ ส่วนสายเอเชียนก็มีซูชิ มีซุปหมาล่าก็มี เอาใจนักท่องเที่ยวเอเชียอย่างเราๆค่ะ
ตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ มีดนตรีสด มาเอนเตอร์เทนคนขี้ร้อนแล้วแอบมาตากแอร์ในห้องอาหารด้วยค่า เรากำลังรอเรือกลับฝั่ง นั่งรอเพลินๆ ตกหลุมรักเฉยเลย 555 (แซวๆ)
ค่ะ แล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับฝั่ง มาเช็คอินขึ้นเรือกับกัปตันคนนี้ น่าร๊ากกกก
ทริปเกาะมอร์ตัน 3 วันนี้ เป็นช่วงสุดท้ายของทริปบริสเบนทั้งหมด 10 วัน เพราะฉะนั้นวันนี้หลังจากเข้าฝั่งแล้วเราก็ไปสนามบินกลับเลย หวังว่าคนที่เข้ามาอ่านจะได้ประโยชน์จากบทความนี้นะคะ อยากรู้ตรงไหนเพิ่มเติม สอบถามได้เลยค่ะ
สามารถอ่านทริปรวมที่เที่ยวบริสเบนได้ที่นี่
https://www.highondreams.com/travel/20thingstodoinbrisbane-บริสเบน/
และนี่ก็เป็นทริป Moreton Island ในแบบของเรา
เจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ
ต้นอ้อ | high on dreams :}