เนปาลครั้งแรกกับการ trekking ขึ้นเขาหิมาลัย เส้นทางที่เค้าว่าง่ายที่สุด | MARDI HIMAL – NEPAL

เนปาลครั้งแรก กับการ trekking ขึ้นเขาหิมาลัย เส้นทางที่เค้าว่าง่ายที่สุด MARDI HIMAL มันจะง่ายจริงๆ หรอวะ 

เรื่องมันมีอยู่ว่า เจอตั๋วโปรไปกลับเนปาลโคตรถูก เลยเกิดความคิดอยากไปสัมผัสหิมาลัยสักครั้งในชีวิต แต่ด้วยสกิลและกล้ามเนื้ออันน้อยนิด  เลยจะหารูทเดินที่เค้าว่าง่ายที่สุด และได้วิวที่สวยที่สุดด้วย

หาข้อมูลจนไปเจอเส้นทาง Mardi Himal  วิวสวยมากกก เห็นยอดเขา Fishtail หรือ Machapuchare เต็มๆตา เราจะเดินกัน 5 วัน แต่คนเก่งๆ เดิน 4 วัน 3 วันก็มี อยากเฉลี่ยเดินน้อยๆต่อวันอะ เพราะกลัวเหนื่อย 555

พอสรุปได้ก็เริ่มโพสประกาศหาคนไปด้วย  ให้มาช่วยหารค่าไกด์ ค่าลูกหาบ และค่ารถ คิดว่าคนเยอะก็น่าจะถูกลง หลอกล่อมาได้ 2 คน รวมเเราเป็น 3 คน โชคดีที่เราทั้ง 3 สกิลพอกัน เคยผ่านป่าไทยง่ายๆมาแค่ 2-3 ที่ เราจะได้เป็นภาระให้กันและกันแบบไม่ต้องเกรงใจ 555 ร่างกายไม่ค่อยพร้อม แต่ใจพร้อมมากค่ะ

ปะ นี่จะเป็นการเดินทางสู่หิมาลัยครั้งแรก เส้นทาง Mardi Himal Trail แบบคนสกิล Beginner!
รอดมั้ย ไปดู

ITINERARY NEPAL 11 DAYS 
KATHMANDU – POKHARA – MARDI HIMAL TREK

เที่ยวเล่น 5 วัน เดินป่า 5 วัน ช่วงเวลาเดินทาง 1-11 NOVEMBER 2024

  • DAY 1 BKK-KTM arrive 19.00 
  • DAY 2 KATHMANDU SIGHTSEEING
  • DAY 3 TOURIST BUS to POKHARA 8hr. (Depart 6am)
  • DAY 4 Get a jeep to starting point in Kande to Deurali (4-5hr. Walk)
  • DAY 5 Trek uphill to Forest Camp (7hr. Walk)
  • DAY 6 Trek uphill to Highcamp  (7hr. Walk)
  • DAY 7 Trek uphill to Sunrise viewpoint – Mardi Base camp then downhill to Badal Danda Village
  • DAY 8 Trek downhill to SIDHING (4-5hr. Walk)  and get a jeep back to Pokhara (2hr.)
  • DAY 9 POKHARA SIGHTSEEING
  • DAY 10 Bus or fly to Kathmandu 
  • DAY 11 Back to BKK

TREKKING TOUR IN NEPAL

เราได้คอนแทคไกด์มาก่อนจากเพื่อนที่เคยไป ละติดต่อสอบถามไว้ล่วงหน้า คือแพลนเรามันไม่นิ่งอะเลยไม่ได้จองอะไรไว้เลย นอกจากที่พัก พอไปถึง Kathmandu ค่อยไปคุยต่อที่บริษัททัวร์ของเค้า https://www.incredibletreks.com/ ให้ข้อมูลและคำแนะนำแบบมืออาชีพ หาไกด์ดีๆ และลูกหาบให้ได้แม้จะเริ่มเดินแล้วในอีก 2 วัน

ทัวร์มีอะไรให้บ้าง (คร่าวๆ)

  • ไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ 1 คน ลูกหาบ 2 คน
  • ลูกหาบ 1 คนแบกได้ 25กก. ของเราไม่หนักมาก ใช้ไม่เต็มโควต้าไม่เป็นไรเผื่อไว้ กรณีขาเป๋ระหว่างทางลูกหาบจะมาแบกเราแทน (หิ้วปีก)
  • รถจิ๊บรับส่งจากโรงแรมที่ Pokhara ไปจุดเริ่มเดิน
  • อาหาร+น้ำ วันละ 3 มื้อ 5 วัน
  • ที่พัก Private Room ห้องน้ำรวมไม่รวมแล้วแต่ที่พัก
  • ไปทำใบ Permit ให้
  • Duffle Bag , Sleeping Bag, Trekking Pole, Down Jacket ทั้งหมดเป็น Optional เอาไม่เอาก็ได้
  • FirstAID
  • Basic Insurance

TOTAL : 300USD

CONTACT CLICK HERE

ไกด์ที่ติดต่อ FB : Krishna Basnet https://www.facebook.com/nepalguidekrish 
ไกด์ที่ได้  FB : Rajendra khadka https://www.facebook.com/rajendra.khadka.73932646  ไกด์หนุ่ม พูดอังกฤษถ่อง หน้าตาดี 555 RECOMMENDED

**จริงๆ ตั้งแต่แลนดิ้งมาถึง Kathmandu จะมีคนมา Offer Trekking Tour ตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่โรงแรม(เป็น Join Group และ Private group) ร้านทัวร์ในย่านThamel ไปจนถึงคนในบาร์ที่เจอมักจะเป็นไกด์ทัวร์เดินป่ากัน 

การเตรียมตัวเท่าที่รู้ ก่อนออกเดินทางเนปาล

VISA

เราทำวีซ่าแบบ On Arrival ค่ะ กรอกข้อมูลในเว็บ https://nepaliport.immigration.gov.np/on-arrival/IO01 (มีกรอกที่อยู่ที่เนปาล ให้ใส่ข้อมูลโรงแรมที่จองไว้คืนแรก) แล้วปริ้นใบที่ได้หลังกรอกเสร็จ ไปยื่นหน้า VISA FEE COLLECTION ก่อนเข้าตม. ที่สนามบินเนปาล พร้อมจ่ายเงิน 30USD สำหรับวีซ่า 15 วัน

เงิน

เตรียมเงิน USD ไปแลกเงินเนปาลที่โน้น มีร้านให้แลกทั้งที่สนามบินและย่าน Thamel ไม่ต้องแลกหมด เพราะค่า Visa และค่าทัวร์ จ่ายเป็น USD

INTERNET

เราไปซื้อ Sim local ที่่สนามบิน Kathmandu ของเครือข่าย Ncell 20G ประมาณ 200บ. คนขายบอกว่าบนเขาก็มีสัญญาณ แต่จริงๆ ไม่มี 5555 บนเขาต้องซื้อ Wifi ของเกสเฮ้าส์แยกต่างหากเอา 

PERMIT

เตรียมรูปถ่าย 2 นิ้ว พื้นหลังขาว สำหรับทำ Trekking Permit 2 ใบ และถ้าซื้อ Local Sim ก็เตรียมเผื่อด้วยอีก 1 ใบ

อากาศ

  • ช่วง High Season เดินป่าของเนปาลมี 2 ช่วง คือ March-April และ October-November จะเป็นช่วงที่ไม่หนาวเกินไปและไม่มีพายุมรสุม
  • ทริปเรา 1-11 November เป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นๆ จะได้ฟิลทุ่งหญ้าสีทองกับยอดเขาหิมะ 
  • ความหนาวช่วงที่ไป : ในตัวเมือง Kathmandu และ Phokara อากาศเย็นๆ 20-25 C
  • ส่วนบนเขาระหว่างเดิน 15-20 C บนยอดเหนือ 3000m จะประมาณ 10-15C. Feel like ต่ำกว่า 10 เพราะลมแรง

ชุด+อุปกรณ์

จากสภาพอากาศที่บอกไว้ข้างบน เราเลยต้องเตรียม F ชุดเพิ่ม นอกเหนือจากชุดเดินป่าไทยธรรมดา ดังนี้

  • เสื้อกันลม : อันนี้ใส่ทุกวัน ไม่ต้องหนามาก ตอนเดินร่างกายมันร้อนอยู่ละ พอผิวโดนลมมันจะหนาว 
  • เสื้อกันฝน : ควรใช้แบบที่มัน Cover กระเป๋าสะพายหลังเราด้วย สภาพอากาศเดาไม่ได้ อยู่ดีๆ ฝนตกหนัก+ลูกเห็บ ซื้อที่ Thamel 
  • เสื้อดาวน์กันหนาว : ความหนาวประมาณนี้เอา Lightdown ไปก็พอ ถ้ารู้สึกหนาว ก็เพิ่ม Layerเอา 
  • รองเท้า Trekking : อันนี้ก็ F มาใหม่ ลองใช้ครั้งแรกในทริปนี้ ซึ่งไม่แนะนำเลยนะ เพราะปกติเคยใช้แต่รองเท้าผ้าใบธรรมดาอะ เดินที่นี่ต้องใช้รองเท้าหุ้มข้อ พื้นดีๆ ใส่แล้วเดินสบาย
  • รองเท้าแตะ : ไว้เข้าห้องน้ำ
  • Trekking Pole : ใช้ของทัวร์ เค้ามีให้ 1 อัน แต่ถ้าอยากได้ของตัวเอง ที่ตลาด Thamel มีขาย ถูกๆเยอะมาก คู่ละ 200บ.เอง
  • ชุดนอนอุ่นๆ : อยากบอกว่าตอนเดินไม่หนาวเลย แต่เข้าที่พักปุ๊ปรู้สึกหนาวโคตร

ขาดเหลืออะไร มาซื้อที่ Thamel ของเยอะจริง ถ้าต้องไปเดินอีกที อยากเพิ่มสนับเข่า เอาไว้เดิน Downhill รอบนี้ไม่ได้เตรียม ปวดเข่ามากค่า

ETC

ประกันการเดินทาง+ประกัน Trekking : จริงๆ เค้าบอกเส้นทาง Mardi ไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่มีไว้ก็สบายใจ 105USD แพงอยู่ https://www.nepaltrekkinginsurance.com/policies/trek-insurance

ยาแพ้ความสูง DIAMOX อันนี้ไม่รู้แนะนำได้มั้ย ไม่ใช่เภสัชฯ ไม่ใช่ยาทั่วไป มี Effect เยอะมาก ปลายนิ้วชา ฉี่บ่อย กินอะไรก็ไม่อร่อย(ไม่รู้เกี่ยวมั้ย) แต่คิดว่าช่วยอยู่เพราะไม่มีอาการปวดหัวแพ้ความสูงเลย

ยา : ยาแก้แพ้(อากาศ)น้ำมูกไหลฉ่ำ+ยาแก้ปวด+ยาคลายกล้ามเนื้อ เตรียมไปได้ใช้หมด

App ที่ควรมี : Indrive เอาไว้เรียก Taxi ใช้ได้ทั้ง Kathmandu และ Pokhara ใช้ง่าย จ่ายสด ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่อยู่ไทยเลย จะได้ไม่มีปัญหาหน้างาน 

HOTEL RECOMMENDED

Kathmandu : Kwabahal Boutique Hostel

โรงแรมบูทีค ตึกน่ารักๆ ย่านทาเมล Thamel ทำเลดีใกล้แหล่งชอปปิ้ง ร้านอาหาร บาร์ ภายในรร.มีคอร์ทกลางร่มรื่นและสงบ ห้องน้ำสะอาด มาพักที่เดิม 2 รอบเลย ทั้งตอนแลนดิ้งวันแรกที่กาฏมัณฑุ และก่อนกลับกรุงเทพ ชอบ

AGODA :  https://bit.ly/4g5vIqF 

Pokhara : Hotel Mountain View Pokhara

โรงแรมที่โพคารา Lakeside เจ้าของดูแลดีดุจญาติมิตร รร.เล็กๆมีแค่ 2 ชั้น ชั้นดาดฟ้าถ้าฟ้าโปร่งจะมองเห็นวิวเทือกเขาอลังการ  ทำเลดีเดินนิดหน่อยก็ถึงย่านชอปปิ้ง  มีกลิ่นอาย Wes Anderson เบาๆ และราคาถูกมาก

AGODA :  https://bit.ly/4gufpDB 

(AFF link* จองโรงแรมใดๆ ฝากกดลิงค์นี้เป็นค่าขนมเล็กๆให้อุไรด้วยค่ะ)

THAMEL, KATHMANDU

ย่านทาเมล เป็นย่านที่ใครมาเนปาลก็ต้องมาพักก่อนที่นี่ที่แรกเลย มีของขายสำหรับ trekking แบบลึ่มๆ ขาดเหลืออะไร มาเติมที่นี่ได้หมด  ราคาย่อมเยา แต่ของแท้มั้ยไม่รู้

พวกเราอยู่เที่ยวที่ทาเมลเต็มๆ 1 วัน 2 คืน เราว่ามันเป็นเมืองที่มีสเนห์ใน แบบเป็นตัวของตัวเองมากเลยนะ วัดเอย เจดีย์เอย ถ่ายรูปอะไรมาก็รู้ว่าที่นี่เนปาลอะ

BUS KATHMANDU TO POKHARA

จาก Kathmandu ไป Pokhara เลือกนั่งบัสไปเพราะอยากประหยัด ทางเด้งมาก เด้งตลอดเวลา แต่นอนหลับเพราะเมื่อคืนนอนน้อย ไปปาร์ตี้มา โชคดีที่เรามาช่วงเทศกาล ชาวเนปาลมักจะอยู่บ้านเฉลิมฉลองกัน ทำให้ใช้เวลาเดินทางแค่ 7 ชม. จากปกติ 8-10 ชม. กันเลยทีเดียว

Tourist Bus ซื้อจากร้านทัวร์ หรือโรงแรมก็ได้ 12USD เบาะนิ่มอย่างเดียวแต่รถห่วยมาก 555 
หรือจองล่วงหน้าผ่าน KLOOK ก็มีนะ จะได้บัส VIP แถวละ 3 ที่นั่ง อาจจะดีกว่าก็ได้ เน้นว่า "อาจจะ" https://bit.ly/49oWoQg (*AFF LINK)

POKHARA

ที่นี่จะเป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง MARDI HIMAL และ ANNAPURNA BASE CAMP รายล้อมไปด้วยเทือกเขาสูงล้อมรอบ ถ้าวันที่ฟ้าเปิดจะสวยมากๆ

พวกเรามาถึงที่พักโพคารา พร้อม Duffle Bag ใบใหญ่มาคนละใบ ของเยอะจนเจ้าของที่พักถามว่า จะไป Everest หรอ กระเป๋าใหญ่ขนาดนี้

โรงแรมที่โพคารา Lakeside เจ้าของดูแลดีดุจญาติมิตร รร.เล็กๆมีแค่ 2 ชั้น ชั้นดาดฟ้าถ้าฟ้าโปร่งจะมองเห็นวิวเทือกเขาอลังการ ทำเลดีเดินนิดหน่อยก็ถึงย่านชอปปิ้ง มีกลิ่นอาย Wes Anderson เบาๆ และราคาถูกมาก หารตกคนละ 100ต่อคืนเอง

Hotel Mountain View Pokhara AGODA : https://bit.ly/4gufpDB

TREKKING DAY 1 – KANDE to DEURALI

สำหรับวันแรก ตามแพลนรถจิ๊ปพร้อมไกด์และลูบหาบ จะมารับที่หน้าโรงแรม ตอน 11 โมงเช้า แต่ก่อนที่จะมมารับ ไกด์จะเข้ามาเอารูปไปทำใบ Trekking Permit ให้ก่อน แต่ที่คิดไม่ถึงคือ วันนี้ฝนตกต้อนรับการเดินเลยจ้า

เราเริ่มเดินจากหมู่บ้าน Kande ไปยัง Deurali ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม. จากความสูง 1000mt กว่าๆ ไปถึง 2100mt. ท่ามกลางสายฝน ไม่ใช่ฝนตกธรรมดา แต่ฝนตกห่าหนักมาก ไม่ใช่หนักธรรมดา แต่ลูกเห็บก็ตกด้วย เจ็บหัว เจ็บมือสุด ไอ้แก๊งเด็กเดินป่ามือใหม่อย่างพวกเรา คือจะตุยเอา เดินได้ 10 ก้าว พักอีก 10 นาที ทางมีแต่ขึ้นเนินกับบันได

ยังไม่พอเพื่อนร่วมทาง “กีต้าร์” นางตะคริวกินขาทั้ง 2 ข้าง ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เดินหยุด เดินหยุด เวลาล่วงเลยไปจนพระอาทิตย์ตกดิน ความหนาวก็มาเยือน นี่เป็นครั้งแรกที่เดินป่าหนาวๆ ฝนตก และมืดมองไม่เห็นทาง ต้องเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ เพราะไฟฉายติดหัวอยู่ในกระเป๋าลูกหาบ

สุดท้ายไกด์ให้ลูกหาบกลับมารับ แบกกีต้าร์ขี้นไหล่ หิ้วปีกท่ามกลางสายฝน เปียกปอนไปหมด กระเป๋า กางเกง รองเท้า ถุงเท้า ฉ่ำไปหมดค่ะ ทรหดมากวันแรก ไหนใครว่าเดินง่ายๆนะ

นั่งรถจิ๊ปไปจุดเริ่มเดินที่เมือง Kande

เพื่ือนร่วมมทางอีกคน “เจนใจ” นางเกือบจะถอดใจแล้ว แต่เห็นกีต้าร์เป็นหนักกว่า เลยเอาใจกลับมาได้

หลังพระอาทิตย์ตกดิน อากาศมันจะยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ ฝนก็ตก+หมอกลง มองแทบไม่เห็นทาง แต่ก็ต้องเดินต่อไป
ที่พักคืนแรก มีเตาผิงในห้อง Dining Room เอาไว้ชุดเปียก ตากรองเท้า ถุงเท้า ก็แห้งเท่าที่ได้แหละ
หน้าตาห้องพักคืนแรก ได้ห้อง Private Room 3 เตียงพร้อมห้องน้ำล้อคไม่ได้ในตัว

TREKKING DAY 2 – DEURALI to FOREST CAMP

สวัสดีเช้าตรู่อันสดใส ไม่มีฝนแล้ว ไกด์นัดกินข้าว 7 โมง แต่พวกฉันตื่น 7 โมงครึ่งด้วยความอิดโรย แต่พอได้เดินออกมาจากห้องเห็นวิวกับแสงอาทิตย์ข้างหน้าก็ตื่นเต้นกันใหญ่ ภูเขาหิมะโผล่จากเมฆหมอกหลังที่พักนั่น มันช่างปลุกพลังใจได้จรริงๆ เริ่มออกเดินเกือบ 9 โมง

วันนี้จะเดินจาก Deurali ไปยัง Forest camp ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชม.รวมพักกินข้าวเที่ยง จากความสูง 2100mt ไปยัง 2600mt ก็ดูจะไม่ยากนะ เพราะดูแล้วเดินขึ้นนิดเดียว ระหว่างทางเป็นป่าดึกดำบรรพ์ ต้นไม้เขียวขจี ร่มรื่น มีมอสขึ้นระหว่างทางให้เชยชม ก่อนมาอ่านรีวิวว่าอาจจะเจอทากดูดเลือดในช่วงความสูงนี้นะ แต่เอาจริง หลังจากผ่านการเดินเมื่อวานมาได้ ก็ไม่มีอะไรให้กลัวอีกแล้วอะ

ที่พักสำหรับคืนที่ 2 จะต้องเดินเลยจาก Forest Camp ไปอีกประมาณ 30 นาที เพราะจะเป็นที่พักที่มองเห็นวิวได้ 30นาทีไกด์ = 1 ชั่วโมงฉันเอง…

ความดี๊ด๊าก่อนออกเดินในวันที่ 2 พร้อมรองเท้าที่เปียกชุ่ม

ป่าโบราณ ร่มรื่นสุด เดินฟังเสียงธรรมชาติ
ป้ายสีฟ้าขาว คือป้ายบอกเส้นทางเดิน Mardi Himal หรือ MBC
วิวระหว่างทาง
ที่พักคืนที่ 2 HOTEL REST CAMP 2600mt มาถึงตอน 5โมงเย็น วันนี้เดินเยอะ ต้องอาบน้ำหน่อยละ เมื่อวานไม่ได้อาบ มีค่าอาบน้ำร้อนคนละ 200รูปี ค่าเนต 200รูปี เนตแรงมากบอกเลย

TREKKING DAY 3 – HOTEL REST CAMP to HIGH CAMP

สวัสดีเช้าอันสดใสอีกครั้ง ที่พักวันนี้วิวดีมาก เริ่มมองเห็นยอดเขา Machapuchare หรือยอดเขาหางปลา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รองเท้าที่เปียกเมื่อวาน เดินไปเดินมาก็แห้งละ พร้อมลุยค่ะวันนี้ บวกกับเมื่อคืนได้อาบน้ำอุ่น นอนเต็มอีก (นอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม)

วันนี้จะเดินจาก Hotel Rest Camp ไปยัง High Camp ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชม. จากความสูง 2600mt สู่ความสูง 3500mt เดินขึ้น UPHILL แน่นอน ไกด์บอกว่าวันนี้เดินขึ้น 90% นะ แต่ไม่ยากมากเพราะมีบันไดให้เกือบทั้งเส้นทาง โดยครึ่งแรกจะเป็นทางในป่าโบราณ ช่วงหลังพักกินข้าวจะไม่มีร่มไม้ให้แล้วนะ หลัง 3000mt จะเป็นทุ่งหญ้าแห้งๆ เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูง

ใครว่าการมีบันไดมันทำให้เดินง่ายกันวะ อยากบอกว่าวันนี้เดินจนเกลียดบันไดอะ ต้องหาทางสโลป ทางลาดแทน ขาเปลี้ย เมื่อยและเหนื่อยมาก แต่พอเดินมาจนถึงโซนทุ่งหญ้าแล้ว เห้ย มันสวยว่ะ สวยมาก แม้หมอกจะปกคลุมวิวตลอดทางก็เหอะ ตอนนี้รู้สึกเหมือนขึ้นเขาช้างเผือกอะ (เขาช้างเผือกเป็นเขาที่เราว่าสวยสุดในไทย) ที่มีทุ่งหญ้าแห้งสีทอง ต้นไม้พันธ์ุไม้ที่ไม่เคยเห็น เพราะไม่เคยสัมผัสธรรมชาติที่ความสูงนี้มาก่อน ดีจ์

เค้าว่าเส้นทางป่าโบราณที่นี่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเนปาล เห็นทุกวันจนเริ่มเฉยละ
LOW CAMP จุดพัก Break ก่อนขึ้นบันไดเดินต่อ ฟ้าเปิดให้แปปนึงวิวอย่างสวยยย
ระหว่างทางจะมีวิวภูเขาหิมะให้เห็นเป็นระยะ พอให้มีกำลังใจในการก้าวต่อไป

แต่ความซวยของเราในวันนี้คือ พอเดินไปจนถึง High camp ห้องพักที่ทัวร์จองมาแคนเซิลกระทันหัน แคนเซิลแบบไม่แจ้งล้วงหน้า ทั้งๆที่จองมาแล้ว ทำให้พวกเราต้องหกระเหเร่ร่อนไปขอนอนห้องอาหารของที่พักอื่น เพราะห้องพักเต็มหมดทุกที่ ไกด์และลูกหาบจัดเตรียมเก้าอี้นั่งมาเรียงต่อกันเป็นที่นอนให้พวกเรา เอาผ้าห่มมาห่อเป็นหมอน พวกเรานอนรวมกันหมดเลย ทั้งเรา ไกด์ ลูกหาบ และคนอื่นๆใครก็ไม่รู้อีกเกือบ 10 คน! แล้ววันนี้เป็นวันสำคัญด้วยดิ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่น ตี 3 ครึ่ง เริ่มออกเดินไป Viewpoint จุดสุดท้าย เป้าหมายของทริป Trekking ครั้งนี้ กว่าจะได้นอน T_T

ข้อดีก็มีบ้างคือได้นอนอยู่ห้องอุ่นๆ ขณะที่ข้างนอกนั้นเลขหลักเดียว และวิวหลังบ้านที่พักสวยโคตรรรรร

วิวหลังบ้านมันสวยได้ขนาดนี้เลยหรอ Golden Hour มากค่ะ แสงตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ออกมาถ่ายดาวตอนกลางคืน มีทางช้างเผือกชัดมาก นี่เราอยู่ใกล้ดาวมากกว่าเดิมเยอะเลยนะ
และนี่คือสภาพห้องนอนใน Dinning Room

TREKKING DAY 4 – HIGH CAMP to MBC VIEWPOINT

วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะจะเดินไปจุดหมายปลายทางของเรานั่นเเอง คือ Mardi Himal Viewpoint ถ้าฟิตหน่อยก็ไป MBC ไกด์นัดเราตอนตี 3 ครึ่ง จะเริ่มออกเดินไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นบน Viewpint ตื่นทันอยู่แล้วเพราะนอนห้องเดียวกัน โดนปลุกกันทั้ง Teahouse ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วใส่ชุดหนาให้หนาที่สุดเท่าที่เตรียมมา เพราะจะหนาวและลมมาก แถมจะมีหิมะบนนั้นด้วย

ระยะทางวันนี้จะเดินจาก High Camp ไป Viewpoint ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ความสูง 3500mt ไปยังความสูง 4500mt บันไดชันมากกว่าวันอื่นๆ เตรียมข้าวเช้าแบบพกพาขึ้นไปเอง ไกด์เตรียมไข่ต้มให้คนละ 2 ฟอง เราเตรียมโจ้กคัพขึ้นไปกิน ไกด์และลูกหาบ 2 คน สะพายกระเป๋า Day Pack ให้ แล้วแบ่งกันดูแลพวกเราแบบตัวต่อตัว เหมือนมี Bodygaurd ส่วนตัวอะ

พวกเราเดินไปแต่ตัว มีแค่ไฟฉายติดหัวเท่านั้น แล้วเดินไปในความมืด จริงๆก็ไม่มืดเท่าไหร่เพราะคนเยอะมาก มาจากไหนเยอะแยะก็ไม่รู้ จุดหมายทุกคนคือขึ้นไปชม Sunrise ที่ Viewpoint เหมือนกัน ทางเดินชันโหดสุดจริงกว่าทางที่ผ่านมา แต่สำหรับเราคิดว่ามันก็ไม่ยากเกินไป เหมือนเราได้ฝึกปรือมาก่อนแล้ว เดินตามจังหวะของตัวเองไปเรื่อยๆ ก้าวขึ้ึนบันไดมาทีละก้าวแบบช้าๆ และหอบเบาๆ ชุดที่เตรียมมาหนาๆ คืออยากถอดทิ้งหมด รู้สึกตัวร้อนผ่าวมาจากอุณหภูมิในร่างกาย ถึงแม้ว่าอากาศจริงๆมันจะหนาว 5-6 องศาเท่านั้น

ชอบเวลาที่เราได้เห็นยอดเขาหางปลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขอบฟ้าก็ค่อยๆสว่าง แสงสีทองค่อยๆสาดลงบนยอดเขาทีละนิด เห็นภาพรูปร่างของภูเขาค่อยๆชัดขึ้น เป็น Magic Moment ที่เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นวิวไม่เหมือนกันซักนาทีเลย แต่เดินจนพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็ยังไม่ถึงนะ 555 หยุดพักชมวิวทุกโค้ง จนในที่สุดก็ขึ้นมาจนถึงจุด Viewpoint น้ำตาจะไหล เรามาถึงแล้วแกรรร

เริ่มออกเดินตั้งแต่ ตี 3 ครึ่ง ทางเป็นบันไดล้วน เกลียดบันไดเข้าใส้แล้ว
วิวเส้นขอบฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
พักชมวิวระหว่างทางสักครู่ค่ะ ลูบหาบที่ดูแลตัวต่อตัว เหมือนเป็น Buddy อะ ถ่ายรูปให้บ้าง เพราะตอนนี้เพื่อนแต่ละคนแยกกันเดินตามจังหวะของตัวเองกันแล้ว
แสงสีทองค่อยๆสาดลงมาบนยอดเขา
Magic Moment มั้ยล่ะ
ยอดเขา Machapuchare คืออันสูงๆ ส่วนข้างๆกันมุมขวา คือยอดเขา Mardi Himal
ถ่ายรูปกับยอดเขา Machapucchare หน่อย แล้วตะโกนออกไปว่า “ต้นอ้อมาถึงแล้วน้า”

Mt.Machapuchare

มัชฉาปูชเร หรือมีชื่อเล่นว่ายอดเขา Fish Tail มีลักษณะเป็นเขาปลายแหลมสูง มียอด 2 แฉกคล้ายหางปลาเป็นเอกลักษณ์ มีความสูงอยู่ที่ 6993mt เหนือระดับน้ำทะเล เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ฝั่ง Annapurna Region เค้าว่ากันว่าเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นที่อยู่ของพระศิวะ ตามความเชื่อของชาวเนปาล ที่ซึ่งไม่เคยมีใครเคยไปถึง Summit ได้ และก็ไม่อนุญาตให้นักพิชิตทั้งหลายขึ้่นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้เช่นกัน แต่เคยมีนักปีนคนหนึ่งเคยพยายามแอบไปพิชิตมาแล้ว ทำให้ทางการปิดเส้นทางนี้ไป และเพิ่งกลับมาเปิดใหม่เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง

ส่วน Mardi Himal ชื่อ Treking Route ของเรา คือยอดที่อยู่ข้างๆ Fish tail นี่เอง เป็นเส้นทางที่สามารถชมวิว Fishtail แบบใกล้สุดและได้มุมสวย Mardi Himal มีความสูงอยู่ที่ 5587mt above sea level และ Base Camp ที่เราสามารถเดินไปถึงได้อยู่ที่ 4500mt

ยอดเขามัชฉาปูชเร ยอดเขามาร์ดี้ และตัวฉันเอง

ขาลงจาก Viewpoint เราจะเดินกลับย้อนทางเดิม ผ่าน High Camp ลงไปถึงหมู่บ้าน Badal Danda เพื่อนอนพักที่นั่น จากความสูง 4200mt ลงไปสู่ 3300mt ซึ่งไกด์บอกจะพาไปทางลัด (ลัดได้ 25 นาที) และไม่ต้องลงบันได พวกเราก็โอเค ลุย!!

ไม่ต้องลงบันได = ปีนเขาจ้า Rock Climbing จ้า 5555 แต่ชอบทางแบบนี้นะ ตอนนี้กลัวบันไดมาก เริ่มปวดเข่าแล้ว

พวกเราเดินมาถึงหมู่บ้าน Badal Danda ด้วยความชิล เพราะเป็น Downhill ล้วนๆ ไม่มีขึ้นเขาอีกต่อไป ไปถึงตอนบ่าย 2 เป็นการเดินถึงที่พักที่เร็วที่สุดของทริปนี้เลย ปกติกว่าจะเดินถึงคือมืดค่ำ 555 แต่ก็ค้นพบว่า ถึงเร็วไปก็ไม่ดี เพราะมันจะไม่มีอะไรทำ การไม่ได้เดินมันทำให้เราง่วง และมีกฏข้อนึงของการเดินป่าในพื้นที่สูงกว่า 3000mt คือ ห้ามนอนกลางวัน เนื่องจาก Oxygen ในร่างกายที่มีน้อยกว่าบนภาคพืนดิน อาจทำให้หลับไม่ตื่นโดยไม่รู้ตัว ไกด์บอกมา ส่วนทางลูกหาบเสริมมาบอกว่า มันจะทำให้เรานอนไม่หลับตอนกลางคืนมากกว่า

กิจกรรมหลักๆในที่พักของเราก็เลยเป็นการ ดื่มชา กินป๊อปคอร์น (ป๊อปคอร์นช่วยเรื่องเพิ่มออกซิเจนในร่างกายจากการเเคี้ยวด้วยนะ) และแทงสนุ๊กเกอร์ ที่ความสูง 3350mt มาเล่นไกลถึงนี่เลยเนอะ ครั้งหนึ่งในชีวิตอะ 5555

ขาลงจากจุดชมวิว ที่มองกลับไปเห็นยอดเขา Fishtail
วิวระหว่างทาง
นี่คือทางลัด
นี่คือทางที่เดินขึ้นมา
ที่พักใน Badal Danda ชื่อ Himalayas Majesty ตั้งอยู่บนเนินเขาเห็นวิวแบบ 360 องศา
Himalayas Majesty อย่างชิลลล
Himalayas Majesty หน้าตาห้องพักวันนี้ มี 4 เตียง อากาศหนาวมากแต่ผ้าห่มหนา นอนสบาย แต่ไม่มีห้องอาบน้ำนะ

TREKKING DAY 5 BADAL DANDA – SIDHING – POKHARA

วันสุดท้ายของการ Trekking แล้ว วันนี้ไกด์ให้ตื่นสายได้ จะได้เสพย์บรรยากาศหิมาลัยกลับไปให้มากที่สุด ที่พักเช้านี้มีทะเลหมอกแบบเว่อวังมากอะ วิวสวยและอากาศดีมากๆจนอยากอยู่ต่อ แต่ไม่เอาละ อยากกลับแผ่นดินไปอาบน้ำมากกว่า

ทางเดินวันนี้จะมีแต่ Downhill ลง ลง ลง ตลอดทาง จากความสูง 3300mt ไปจนถึง Sidhing จุดขึ้นรถจิ๊ปที่ 2500mt เดินลงจนเข่าเริ่มงอแง เป็น 3 ชั่วโมงที่ทรมาน พยายามเดินเซฟเข่ามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ส่วนตัวรู้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าจะมีปัญหาเรื่องเข่าตอนเดินลง เพราะเคยไปเช็คแล้วหมอกายภาพว่ากระดูกขาขวาเบี้ยว บวกกับเข่าเริ่มเสื่อมสภาพ อายุเยอะ 555 เดินขึ้นไม่มีปัญหาเลย แต่นี่เกือบลงไปไม่ถึง Sidhing

ต่อรถจิ๊ปจาก Sidhing ไป Pokhara อีก 2 ชม.ตามแพลน แต่พี่ Driver อย่างซิ่ง แซงหมดไม่สนลูกใคร ถนนเป็นทางขรุขระลูกรัง และด้านขวาก็เป็นหน้าผา เสียวสุดๆ สรุปพี่แกขับถึงใน 1 ชม.กว่าๆ ไม่รู้จะรีบไปไหน ก็เป็นอันจบทริปเดิน Mardi Himal Trek ค่ะ

ไกด์บอกว่า Badal Danda แปลว่าก้อนเมฆในภาษาเนปาล ที่นี่คือเหมือนเรากำลังลอยอยู่เหนือเมฆเลยจริงๆอะ
เตรียมตัวเดินลงตอนสายๆ
คนปวดเข่าขอหยุดพักถ่ายรูปแปป
รถจิ๊ปสุดซิ่งที่จะพากลับ Pohkara

POKHARA SIGHTSEEING

เราให้เวลาพักร่างอยู่ที่ Pohkara อีก 2 คืน ก่อนบินกลับ Kathmandu (ไม่นั่งบัสแล้ว งบมันบานปลายตรงนี้แหละ) คิดว่าก็เดินมาเหนื่อยๆ น่าจะมีเวลาให้ชิลบ้าง ตื่นสายๆ กินดีๆ อาบน้ำสะอาดๆ 555 กิจกรรมที่นี่ก็เลยมีแค่นี้

  1. นั่ง Annapurna Cable Car ขึ้นเขา Sarangot ไปชมวิวเมือง Pokhara และถ้าโชคดีจะเห็นวิวเทือกเขา Annapurna ค่าขึ้นไปกลับคนละ 1800RP วิวสวย นั่งขึ้นไปประมาณ 15-20 นาที ก็คุ้มอยู่
  2. ล่องเรือในทะเลสาบ FEWA LAKE เป็นเรือพายพร้อมคนพายให้ ไม่อยากเหนื่อยแล้ว โชคดีที่ตอนเย็นฟ้าเปิด มองเห็น Annapurna และ Machapuchare ที่เพิ่งเดินกลับมาเป็นฉากหลังทะเลสาบด้วย สวยโคตร อยู่ตรงนี้ก็มองเห็นนี่นา เดินขึ้นไปทำไมตั้ง 5 วันวะเนี่ย 5555 จริงๆกิจกรรมแถวๆทะเลสาบนี่มีเยอะมากนะ ไม่ว่าจะเป็น Paddle Board , ตกปลา , เล่นน้ำ , Walking Street , สวนสนุก สนนราคาค่าเรือ+คนพาย ชั่วโมงละ 900RP ต่อลำ
  3. PARAGLIDING ปิดท้ายก่อนกลับ เผื่อจะเห็นวิวเทือกเขาหิมาลัยอีกซักครั้ง แต่สุดท้ายฟ้าปิด ได้แค่บินชมทุ่งนาขั้นบันไดไปค่า
บินกลับ Pokhara to Kathmandu กับ Yeti Airline ซื้อล่วงหน้านานๆหรือเพิ่งซื้อก่อนบินก็จะได้ราคาประมาณ 3000+- THB ทุกไฟล์ท เราจองกับโรงแรม เค้ามี Fix Price ที่ 95USD แม้ว่าจะเพิ่งจองล่วงหน้าก่อนเดินทาง 1 วันเท่านั้น

มาถึงที่ Kathmandu ทางทัวร์เตรียม Cetificate มามอบให้ถึงโรงแรม ว่าพวกเราผ่านเส้นทางเดิน Mardi Himal เรียบร้อยนะค้าาา นี่ก็ใส่ชุดนอนลงมารับประกาศเลย ก็เป็นอันจบทริปนี้ได้อย่างสวยงาม

สงสัยตรงไหนสอบถามได้น้า
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ
.
ต้นอ้อ high on dreams :}

Hello

TEST 1

FOLLOW ME

More Stories
CEBU, PHILIPPINES | แบ็คแพ็คเที่ยวเซบู-ฟิลิปปินส์ ว่ายน้ำกับฉลามวาฬ โดดน้ำตกคาวาซาน 13 เมตร!