“หลวงพระบาง”
เมืองที่ใครๆก็บอกว่า มาแล้วเหมือนเวลาเดินช้าลง ชีวิตช้าๆ เป็นยังไงนะ ก้าวขาเป็นภาพสโลว์โมชั่นงี้มั้ยเออ ลองดูวะ มาใช้ชีวิตช้า ก็ต้องช้าให้สุด ด้วยการนั่งเรือช้าที่หลวงพระบางนี่แหละ
ทริปนี้เราอยู่หลวงพระบาง 5 วัน นั่งเรือช้าก็เอาไปแล้ว 2 วัน ฮ่าๆๆๆ มาดูกันว่ามาทำอะไรที่หลวงพระบางบ้าง
ค่อยๆเลื่อนลงช้าๆนะ จะได้เสพย์บรรยากาศได้เหมือนที่เราไปเจอมา
นี่ไม่ใช่หลวงพระบางครั้งแรกของเรา แต่ก็รู้สึกเหมือนครั้งแรก เพราะครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียวแล้ว ไม่เวิ่นเว้อ วอแว บ่นเหงาแล้วไปแอ๊วผู้ชายเหมือนแต่ก่อนแล้ว 555 อยากรู้ว่าเมื่อก่อนเวิ่นเว้อยังไง ย้อนไปอ่านทริปเที่ยวลาวเวอร์ชั่นเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้เลยค่ะ
http://www.highondreams.com/travel/enroutetolaos01/
http://www.highondreams.com/travel/enroutetolaos02/
กิจกรรมเมื่อมาหลวงพระบางยังคล้ายๆเดิม เพิ่มเติมน้ำตกตาดแซ และ Biketrip กว่า 40 กิโล
-เดินเมืองเก่า
-ถนนคนเดิน
-ตักบัตรข้าวเหนียว
-น้ำตกตาดกวางสี (ตอนน้ำสีฟ้า)
-น้ำตกตากแซ (ตอนไม่มีน้ำ)
-หมู่บ้านวิสกี้ลาว
-ขับมอไซเลาะแม่น้ำโขง
-นั่งเรือช้า 2 วัน
เราเดินทางช่วงวันที่ 22-26 เมษายน 2018 บอกไว้เป็นข้อมูล ว่าช่วงนี้น้ำตกจะมีน้ำน้อยนะคะ
เดี๋ยวนี้การเดินทางมาหลวงพระบางก็ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้ว บินตรงมาได้ในราคาไม่กี่บาท และใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ครั้งนี้เรานั่งรถตู้จากวังเวียงมาหลวงพระบาง และจะนั่งเรือช้าจากหลวงพระบางกลับไทย
ใครที่บอกว่าเงินซื้อเวลาได้…
อาจจะใช้เงินซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่อให้ถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น
อาจจะใช้เงินจ้างไกด์พาทัวร์จะได้ไม่เสียเวลาเดินหลงทางเอง
อาจจะใช้เงินซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้คล่องตัวขึ้นกว่าเดิม
เราซื้อเวลาให้เร็วขึ้นได้
แต่เราก็ซื้อเวลาให้ช้าได้เหมือนกัน
เราซื้อเวลาช้า เพื่อจะได้เสพย์สุขได้นานขึ้น
กลัวเสียดายอะ หากต้อง Skip อะไรออกไปจากชีวิต
แม้มันจะมีประโยชน์หรือไม่มีก็ตาม
เพราะอย่าลืมว่า
แม้จะทุ่มหมดกระเป๋า
ก็ซื้อเวลาที่ผ่านมาแล้วไม่ได้
.
.
ทั้งหมดนี่ พูดถึงเรือช้า ที่แม่งแพงกว่าบินตรงอีกค่ะ บินแค่ 1 ชั่วโมง เรือช้าซัดไป 2 วัน 555 กลัวเสียดาย ที่มาหลวงพระบางครั้งนี้จะไม่ได้นั่งเรือช้า เราอยากลองนั่งมานานแล้ว ความชอบใคร ความชอบมันเนาะ
เราพักที่ AVANI+ LUANGPRABANG ค่ะ ที่พักนี้อยู่ใจกลางย่านท่องเที่ยวหลวงพระบางเลย เรียกว่าอยากไปไหนก็ไปได้ง่ายๆ เดินไปริมน้ำก็ได้ อยู่ติด Night market อีก ของกินเยอะมาก
สอบถามข้อมูลและจองห้องพัก AVANI LUANG PRABANG
https://www.minorhotels.com/th/avani/luang-prabang
https://www.facebook.com/AVANILuangprabang/
ส่วนของที่พักถูกกั้นจากภายนอกด้วยอาคารล๊อบบี้ และ ร้านอาหาร Bristro & Bar คือถึงแม้ว่าข้างหน้าจะเป็นตลาด แต่เข้ามาข้างในคนละเรื่องเลย สงบ ร่มรื่น และเป็นส่วนตัว
ที่เราชอบสุดคือโทนสีห้องนอน สีขาวกับ Texture ไม้ แบบไม่ traditional มากนัก ทำให้รู้สึกอบอุ่น น่านอน บวกกับหน้าต่างประตูบานใหญ่ ตอนแสงส่องเข้ามานี่ไม่อยากออกไปไหนเลย ดูโปร่ง โล่ง สบาย เราชอบห้องที่ใช้แสงธรรมชาติ โดยไม่ต้องเปิดไฟอะ ถ้าได้อากาศดีๆจากภายนอกด้วยนะจะดีมาก แต่วันนี้มันร้อนไปหน่อย เปิดแอร์สบายกว่า
สระว่ายน้ำตรงกลางนี่คือที่หลบภัยชั้นดี ในเวลาที่อยากปลึกวิเวก
ที่นี่มีบริการจักรยานฟรีด้วยนะ เอาไว้ปั่นชมเมือง รอบที่แล้วเคยไป AVANI หัวหิน ก็ต้องปั่นจักรยานรอบรีสอร์ท เพราะพื้นที่รีสอร์ทมันใหญ่มาก กว่าจะเดินไปถึงห้องพัก มาที่นี่ก็ได้ทริปจักรยานอีกเช่นกัน คือคุณพี่อวานีเน้นให้ออกกำลังกายใช่มั้ยคะ ฮ่าๆๆ
เราเริ่มทริปด้วยการตื่นมาใส่บาตรหน้าโรงแรม ประมาณ ตี 5ครึ่งถึง 6 โมง มีพระหลายเซตเดินผ่านเรื่อยๆเพราะถนนเส้นนี้คือเส้นหลัก พระมาจากหลายวัด ที่นี่จะใส่บาตรด้วยข้าวเหนียวอย่างเดียว ต่างจากที่ไทยนะ บรรยากาศตอนเช้าคือดีมากกก มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนั่งเรียงกันยาวริมถนน อยากบอกว่า นี่เป็นการใส่บาตรที่พร๊อพแน่นที่สุดละ ทั้งผ้าคลุมใหล่ กระติ๊บ โตก และเบาะรองนั่ง
ถึงเวลามาเดินชมเมืองกันสักหน่อย หลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ที่โดดเด่นด้านการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของลาวและสิ่งปลูกสร้างจากชาวยุโรป สังเกตบ้านชั้นล่างจะเป็นแบบเปิดโล่งแบบลาว แต่ประตูหน้าต่างมีความยูโรเปี้ยน
เมืองเก่าหลวงพระบางขนาบไปด้วยแม่น้ำ 3 ทิศทาง คือแม่น้ำคาน และแม่น้ำโขง ในส่วนที่เราปั่นจักรยานเล่นกันนั้น เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของหลวงพระบางเท่านั้น ความจริงแล้วพื้นที่หลวงพระบางใหญ่มาก ถ้าอยากรู้ชีวิตของคนพื้นที่จริงๆ ให้ลองออกจากโซนเมืองเก่าดู แค่ข้ามสะพานไป ก็เห็นความแตกต่างแล้ว
จุดชมวิววัดพูสี
เป็นที่ที่มองเห็นหลวงพระบางได้ทั้งเมือง 360องศา
เพียงแต่มีนักท่องเที่ยวมารอดูพระอาทิตย์ตก(เหมือนเรา) เยอะไปหน่อยแค่นั้นเอง
ขับมอไซด์ที่หลวงพระบาง
เดี๋ยวจะพาไปสำรวจนอกเมืองบ้างดีกว่า เราเลือกเช่ามอไซด์ขับ เพราะมันน่าจะเป็นกิจกรรมที่สนุกสุดละ ถ้าใครขับมอไซด์ไม่เป็นสามารถเหมาตุ๊กๆ ทัวร์ก็ได้ค่ะ มาหลายคนก็หารกันราคาไม่แพงหรอก แถมสบายไม่ร้อนด้วย เส้นทางที่เราไป ก็ได้มาจากร้านทัวร์นี่แหละ ปักหมุดสถานที่ไว้ละก็ขับตามแผนที่ไปเลย ไม่มีหลงแน่นอน อ้อ ถนนที่ลาวถ้าเป็นเส้นหลักถือว่าดีอยู่นะ ลาดยาง ขับง่าย แต่ด้วยความที่เรามาทางเล็ก เพราะอยากทำตัวเป็นนักสำรวจงี้ เจอทางลูกรังตลอดทางค่า ก้นระบม
เราเช่ามอไซด์จาก Joy Hostel ได้ราคามาวันละ 120,000กีบ เช่า 2 วัน ไม่รวมค่าน้ำมัน ต้องไปเช่าที่โฮสเทลเพราะจะได้ราคาดีกว่าค่ะ
น้ำตกตาดกวางสี (Tad Kwang si waterfall)
น้ำตกนี้เค้าว่าสวยที่สุดในหลวงพระบางเลยนะเหวยยยย มาถึงแล้วเดินไปชั้นสุดท้ายก่อน ไปดูน้ำตกใหญ่ๆ แล้วค่อยๆเดินลงมาหาจุดหย่อนตูดแช่น้ำ ชอบที่นี่เพราะน้ำสีฟ้าน่าโดด น้ำตกไล่สเตปลงมาสวยงาม ถึงแม้วันนี้น้ำอาจจะน้อยไปนิดนึง แต่ก็ดีกว่าครั้งที่แล้ว เรามาเดือนกันยาช่วงฤดูฝน น้ำไหลแรงมาก เหมือนน้ำป่าไหลหลาก ลงน้ำก็เกือบจะโดนน้ำพัดไหลไปไกล
คือจะบอกว่า น้ำตกจะสวย ถ้าเราไปถูกฤดูกาล
ที่นี้ไม่ได้ขับมอไซด์มานะ เราซื้อทัวร์จอยกรุ๊ป one day trip มา เพราะมันไกล 555 ราคาทัวร์ที่เราได้คือ 50,000กีบรวมค่าเข้า ออกบ่ายโมงกลับ 4 โมงเย็น (มีรอบเช้าด้วยแต่เราตื่นไม่ทัน) เค้าปล่อยเราลงไปเดินเองนะ นัดเวลากลับก็เดินมาที่จอดรถเอง บริหารเวลาดีๆ ถ้าเลทคือเค้าจะทิ้งเราไว้น้ำตกเลย หาทางกลับเอง
น้ำตกตาดกวางสี มีหลายชั้น แตกต่างกันไป บางชั้นก็เป็นแอ่งน้ำเล็กๆแต่หลายสเตป บางชั้นเป็นแอ่งน้ำใหญ่ๆ มีที่ให้กระโดด
ชอบชั้นไหน ก็หยุดเล่นน้ำชั้นนั้นได้เลยเด้อออ แต่ถ้าชั้นรักคุณอะ …. ไปเล่นที่อื่นไป๊
น้ำตกตาดแส้ (Tad sae waterfall)
อีกน้ำตกนึงที่เราอยากลองไปดู เพราะไม่ค่อยเห็นคนรีวิว และเห็นว่าเป็นน้ำตกที่พอขี่มอไซด์ไปได้ น้ำตกนี้อาจจะเข้ายากนิดนึง หลังจากขับตามแผนที่ที่ปักไว้ มาตรงจุดจอดรถ แล้วต้องเหมาเรือหางยาวเพื่อเข้าไปตัวน้ำตก (คนละ 10,000 ไปกลับ) เหมือนจะลึกลับนะ เรือพาเราเลาะไปตามแม่น้ำเงียบๆ ไม่มีบ้านคน ประมาณ 10 นาทีก็ถึง
น้ำตกตาดแส้ น้ำตกที่วันนี้ไม่มีน้ำ….
ค่ะ แล้วเราก็มาถึงน้ำตกเงียบๆที่หนึ่ง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าที่ระหว่างทางมันเงียบๆเหงาๆ เพราะฤดูกาลนี้มันไม่มีน้ำค่ะ ฮ่าๆๆๆ ขอหัวเราะให้ตัวเองทีนึง ตามด้วยร้องไห้ พื้นที่น้ำตกนี้ถือว่ากว้างมากๆ แต่เห็นน้ำตกอยู่แค่ครึ่งเมตรเล็กๆ (ตามภาพ น้ำตกอยู่มุมขวา) นอกนั้นแห้งหมด
นี่คือสิ่งที่ฉันคิด และสิ่งที่ฉันเจอ….
และผลของการไม่เที่ยวตามฤดูกาล
เอาจริงๆเราก็ชอบนะ ไม่วุ่นวาย สงบ ชิลโคตร น้ำก็ตื้นดี ว่ายน้ำก็ไม่ต้องกลัวจม T_T ซื้อเบียมาจิบแปร๊ปปป
ฉันจะรอวันที่น้ำตกนี้มีน้ำ มันน่าจะสวยมากแหละ วันนี้ขอบายจ้าาา 555
แว๊นกันต่อ เราไปที่หมู่บ้าน Whiskey village ขับตามแผนที่ เลาะแม่น้ำโขงมาเรื่อยๆ ประมาณ 10 กว่ากิโล หมู่บ้านนี้เค้าว่าเป็นหมู่บ้านทำเหล้าลาว แต่ละบ้านจะตั้งโต๊ะเหล้าไว้ด้านหน้า ถูกฉโลกกับโต๊ะไหน ก็ไปจอดโต๊ะนั้นได้เลย
กิจกรรมของที่นี่คือตระเวนชิมเหล้า ร้านนึงจะมีให้ชิมประมาณ 2-4 ชนิด ชนิดละจอก ทั้งเหล้าขาว เหล้าสี ไวน์หมักข้าว ไวน์ผลไม้ และอื่นๆ แต่พวกสัตว์ดองนี้ไม่ได้ให้ลองนะ ของซื้อของขายเค้าหละ พวกเราไม่ได้ลองกันเยอะ เพราะกลัวเมา เดี๋ยวขับมอไซด์กลับไม่ได้ ฮ่าๆๆ แต่ก็มีซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านอยู่บ้าง ซื้อที่นี่จะได้ราคาถูกกว่าซื้อในไนท์มาร์เกตหลวงพระบางเยอะ
บ้านที่เราเข้าไป ด้านหลังกำลังต้มเหล้าอยู่พอดี เค้าก็พาดูและก็อธิบายวิธีทำให้ฟัง น่าสนใจดีนะ จากข้าวเปล่าๆ เอามาทำเหล้าได้เฉยเลย
พักเหนื่อยแป๊ป นี่วิวหน้าร้านหมักเหล้าค่ะ
เราขับรถเล่นไปต่อเรื่อยๆ เพราะอยากเห็นชีวิตชาวลาวจริงๆดู ไปให้ลึกขึ้น เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น แต่ระหว่างทางก็เจอค่ายช้าง… เพื่อนต่างชาติที่มาด้วยกันผู้ซึ่งไม่เคยเห็นช้างตัวเป็นๆมาก่อน นางตื่นเต้นมากกก แต่เอาจริงๆเราไม่อินกับการขี่ช้างนะ รู้สึกว่าเราไม่ควรทรมานมัน ดีที่เพื่อนๆเราก็คิดเหมือนกัน เราเลยแวะเข้ามาเพื่อดูช้างและซื้อน้ำพักเหนื่อย แล้วก็ไป
สิ่งที่ชอบสุดของการมาแคมป์ช้างคือตอนเห็นนางลงไปอาบน้ำหลังพาทัวร์จีนเดินเล่นเสร็จ รู้สึกว่าเป็นจังหวะที่น้องช้างน่าจะแฮปปี้สุดละ พ่นน้ำเล่นกันน่าสนุกดี
เราขับเลียบแม่น้ำโขงมาจนถึงหมู่บ้านปากอู ตรงนี้เป็นจุดที่แม่น้ำอูกับแม่น้ำโขงเชื่อมกัน เมื่อก่อน เราสามารถนั่งเรือจากหลวงพระบางไปเมืองงอยได้เลย (เมืองงอยเมืองลับๆริมแม่น้ำที่เราไปรอบที่แล้ว) แต่ปัจจุบันเค้าสร้างเขื่อนกั้น ทำให้ไปทางเรือไม่ได้อีกแล้ว ตรงนี้เราว่าโคตรสงบ โคตรโลคอล ชาวบ้านอยู่กันจริงๆ เหมือนมาถึงลาวอย่างแท้จริงแล้ว
*ควายเผือกหาไม่ได้ง่ายๆนะที่ไทย แต่ที่นี่เห็นเยอะมาก น่ารัก ดูสะอาด มิน่าหละ เวลาสั่งเนื้อที่นี่เค้าไม่แยกเนื้อวัวกับเนื้อควายนะ เค้าว่ามันคือเนื้อแบบเดียวกัน
แวะพักกินเฝอ(ก๋วยเตี๋ยว) ที่วิวดีที่สุดในหลวงพระบาง
แล้วก็วะแอบดูเด็กเล่นน้ำ นึกถึงตอนตัวเองเด็กๆอะ เราก็โตมากับอะไรแบบนี้แหละ
มืดแล้ว กลับเข้ามาในตัวเมืองหลวงพระบางกันเนาะ ร้านอาหารริมน้ำต่างๆเริ่มเปิดไฟกันแล้ว พระอาทิตย์ก็ค่อยๆลาลับไป บรรยากาศดีๆแบบนี้ ถ้าไม่ได้จิบเบียร์ริมน้ำ ก็ขอหมูกระทะแทนแล้วกัน
จัดไปฮะ หมูกระทะบ้านๆริมน้ำ บุฟเฟ่หัวละ 60,000กีบ
ถนนคนเดินหลวงพระบาง NIGHT MARKET
จากถนนเมนหลักของเมืองเก่าโล่งๆเมื่อตอนกลางวัน หลัง 5 โมงเย็นเค้าก็เริ่มกางเต้นท์ขายของกันละ ที่นี่มีของจากทั่วทั้งลาวเลย ส่วนใหญ่เป็นงาน Craft งานทำมือ ผ้าทอ รูปวาด ยาดอง มาหมดฮะ จะซื้อของฝากที่นี่ก็เดินดูหลายๆร้านก่อน แล้วเลือกอันราคาดีสุด ร้านมันจะซ้ำๆแหละ แล้วค่อยต่อราคา
NIGHTLIFE กลางคืนไปไหนดี
ที่ไหนมีนักท่องเที่ยว ที่นั่นย่อมมีบาร์(สำหรับนักท่องเที่ยว) หลวงพระบางก็อยู่รูทหลักที่นักท่องเที่ยวชอบมากัน ไม่ว่าจะสาย Backpack หรือ Luxury นอกจากกินดื่มที่โรงแรมแล้ว หากอยากพบปะท่องท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็จงออกสำรวจยามค่ำคืนค่ะ
“ลาวลาวการ์เด้น”
อยู่ถนนเส้นหลังวัดพูสี ด้านนอกอาจจะดูฮิปปี้หน่อยๆ แต่ด้านในเป็นสวน 2 ชั้น มีโต๊ะพูล นั่งม้าหินอ่อน บรรยากาศดี สำหรับนั่งคุยกัน
อีกที่ที่จะไม่พูดไม่ได้เลยคือ “ยูโทเปีย” ที่นี่จะอารมณ์ Clubhouse ที่สามารถมาอยู่ได้ทั้งกลางวันยันกลางคืน มีกิจกรรมทั้งโยคะ วอลเล่บอลชายหาด อ่านหนังสือริมแม่น้ำ และแด๊นส์ปาร์ตี้ …แต่เราจะไม่พูดมาก เพราะใครๆน่าจะรู้จักกันดีกอยู่แล้ว ที่นี่อาจจะปิดเร็วหน่อย 5 ทุ่มครึ่งก็เก็บหมอนเก็บเสื่อไล่คนออกจากร้านแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่อยากกลับ ก็มีช๊อยให้เลือก ดังนี้
1.ไปโยนโบว์ลิ่ง – ตอนแรกก็งงๆนะ โยนโบว์หรอวะ แต่ก็ลองไปดู เออ มันคือลานโบว์ลิ่งจริงๆ เล่นจริงๆ แก๊งที่นั่งรถมาด้วยกันจากยูโทเปีย ก็มาเล่นไลน์เดียวกัน สั่งเบียร์มากินได้ สนุกดี อันนี้เราประทับใจ
2.UPUB – ผับโลคอลล้วนๆ นั่งตุ๊กตุ๊กมา อารมณ์ RCA แต่เล็กๆ
3. เย็นสบายบาร์ – อันนี้ก็เป็นบาร์ลาวล้วนๆเลยอะ อยากเจอวัยรุ่นหลวงพระบางให้มาที่นี่ นั่งตุ๊กตุ๊กมา 2-50,000 กีบ ตี 4 ก็ยังไม่ปิด – -“ อันนี้เราเจอเพื่อนลาวที่ UPUB เป็นคนพามา ต้องขอบคุณมากๆนะ ประสบการณ์ใหม่เลย
เห็นอย่างนี้อย่าเพิ่งตัดสินว่าเราเป็นคนขี้เมา เพราะจริงๆแล้วเราแค่ชอบเห็นที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะที่ที่คนท่องถิ่นแนะนำ เราชอบการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนแบบที่เราทำประจำอะ มาที่แปลกถิ่นแบบนี้เราไม่กล้าเมาหรอกค่ะ จงมีสติ ไม่ใช่แค่ต่างถิ่นเนาะ แต่ทุกๆอย่างที่ทำ ทุกๆที่ที่ไป ที่ไทยก็เหมือนกัน
SLOW BOAT
แล้วก็ถึงเวลาบอกลาหลวงพระบาง
ขากลับจากหลวงพระบาง เราเลือกนั่งเรือช้า SLOW BOAT โดยเราต้องนั่งจากหลวงพระบาง ไป ปากแบง เค้าบอกว่าใช้เวลา 6 ชั่วโมง(แต่ตอนเราไป 8 ชั่วโมง) นอนปากแบง 1 คืน เช้ามานั่งเรือจากปากแบง ไป ท่าทรายใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมง ท่าทรายคือชายแดนไทยลาวแล้ว อยู่ใกล้กับเชียงของ เรือออก 9 โมงเช้า เราซื้อตั๋วเรือจากท่าเรือเลยเพราะไม่อยากเสียค่านายหน้า(มีร้านขายทัวร์ในเมืองเยอะ) แต่เรือก็มีโอกาศเต็มได้ แนะนำให้ซื้อวันก่อนเดินทางไหนๆก็เช่ามอไซด์แล้วก็ขับไปซื้อเองเลย ห่างจากเมืองเก่าประมาณ 4 กิโล ราคา 110,000กีบ กว่าๆถ้าจำไม่ผิด
ถามว่าเรือช้าน่าเบื่อมั้ย มันก็ไม่ขนาดนั้นนะ อาจจะเพราะเราเตรียมตัวมาดี มีหนังดู มีเพลงฟัง พาวเวอร์แบงค์ชาร์ตเต็ม มีหมอนรองคอ คิดว่าอยู่ได้สบายๆ คิดว่าหลับแน่นอน แต่ไม่หลับว่ะค่ะ บนเรือมีไพ่ให้เล่น มีเพื่อนร่วมทางเม้ามอย วิวก็สวย ฟ้าครึ่มๆตกนิดๆแปปเดียวหยุด มันเลยทำให้บรรยากาศดี ไม่ร้อนเลย แถมมีเบียร์ขายด้วยเด้อออออ
แต่ที่เราพลาดอย่างนึงคือ ลืมซื้อข้าวเที่ยง!!! พลาดมาก เพราะเรือเค้าก็แล่นไปเรื่อยๆไม่มีจอดแวะพักนะ หิวก็มีโอริโอกับเบียกินวนไป ยังดีที่ในตูขายเสบียงมีมาม่า แต่เป็นมาม่าที่แพงที่สุดที่เคยกินแล้วหละค่ะ 555
แต่ก็ถือเป็นค่าวิวไปละกัน ที่ลาวเนี่ยเราว่ายังมีพื้นที่สีเขียวอยู่เยอะมากๆ วิวเขา วิวแม่น้ำ แก่งหิน และชีวิตริมน้ำ พลันคิดขึ้นมาว่าถ้าเราต้องมาอยู่ที่นี่ เราจะอยู่ได้ยังไง
เราไม่อิจฉาคนที่รวยกว่า
เราไม่อิจฉาคนที่หน้าตาดีกว่า
แต่เราอิจฉาคนที่มีความสุข
เด็กพวกนี้แม่งดูมีความสุขชิบหาย (อาจสุขเฉพาะเด็กๆรึปล่าวไม่รู้นะ)
Rooftop Bar คงไม่จำเป็นแล้ว เพราะดูที่วิวบ้านก็ได้
Water Villa ที่มัลดีฟส์ หรือจะสู้ที่นี่ กระโดดออกระเบียงลงน้ำได้ด้วย 555
อันนี้เรียก Grab boat มารับได้มั้ยอะ
ดูวิวเพลินๆก็มาถึงปากแบง พอถึงปุ๊ปจะมีคนมารุม พร้อมโบชัวร์ที่พัก Air-con / Hot shower / free wifi ก็เลือกเอาก็ได้ หรือจะลอกเดินๆดูเอง ที่พักที่นี่ราคาเบาๆ เดินเลือกได้เลย เราเน้นแบบมีหน้าต่างเห็นวิวสวย ซื้อเอาจริงๆมันไม่จำเป็นเลย เพราะมืดแล้ว ฮ่าๆๆ
ร้านอาหารที่นี่เยอะค่ะ ไม่ต้องกลัว เพราะมีนักท่องเที่ยวทุกวัน ทั้งที่ผ่านมาจากเชียงของ หรือจากหลวงพระบางแบบเราก็มาหยุดที่นี่เหมือนกัน
ที่นี่มี 2 บาร์หลักๆ คือ High Bar และ Happy bar แล้วแต่ที่พักอยู่ใกล้ฝั่งไหนก็ไปอันนั้น ที่รู้นี่เพราะมีคนแจกใบปลิวทั้ง 2 ร้านเลย แถมเอาใบปลิวมาแลก Free shot ได้ด้วย คนแจกใบปลิวขายมาอย่างนี้ เราไม่ได้ไปค่ะ
ตื่นเช้ามารีบไปขึ้นเรือเพื่อไปท่าทรายต่อ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงชิลๆ บรรยากาศเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งจากปากแบงขึ้นมากินเป็นมื้อเที่ยงด้วย จากท่าทรายก็หาตุ๊กๆไปด่านชายแดน จากด่านชายแดนทำเรื่อข้ามแดนไปเชียงของฝั่งไทย ละจากด้านเชียงของก็เหมารถตู้เข้าเมืองเชียงราย ที่เหมาเพราะเรามาถึงก็ค่ำแล้วเวลานั้นมันไม่มีรถประจำทาง เลยจำเป็นต้องเหมานั่นแล…. พร้อมกับเพื่อนฝรั่งและอีกหลายๆคนที่มาเรือเดียวกันแชร์รถกัน
อ่าน 24 ชั่วโมงในเชียงรายก่อนบินกลับกรุงเทพ ได้ที่นี่ http://www.highondreams.com/travel/chiangrai24hours/
หลวงพระบางในมุมมองเรา
ถามว่าเวลาเดินช้าจริงไหม…?
เราว่าไม่นะ
เพราะเวลาที่มีความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
.
.
และนี่ก็คือ “หลวงพระบาง” ในแบบของเรา
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ
ต้นอ้อ