พาเที่ยวอีสานแบบซัมเม้อซัมเมอร์
ที่จังหวัด”เลย”
ลืมภาพอีสานที่มีกันไปได้เลยเด้ออ
ที่นี่คือจังหวัดเลย จังหวัดที่ไปไม่ถึงซักที
เพราะเลยตล๊อดดด…ไม่ช่ายย
จังหวัดเลยเรียกได้ว่ามีภูเขาเยอะที่สุด
ในภาคอีสานแล้ว(มั้ง) ไม่ว่าจะเป็นป่า
ภูเขา แม่น้ำ หรือน้ำตก
เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าทริปนี้
มันจะต้องเย็นฉ่ำ ชื่นใจ คลายร้อนแน่ๆ
เที่ยวหน้าหนาวก็เย็น เที่ยวหน้าร้อนก็ชิล
ตามไปเที่ยวจังหวัดเลย 3 วัน 2 คืนกันฮะ
#ไปเลยไปกับแอร์เอเชีย
ในทริปนี้เราเดินทาง 3 วัน 2 คืน แพลนตามนี้เลย เอาไว้ดูเป็นตัวอย่างเด้อ
ITINARARY 3DAYS 2NIGHTS
- DAY 1
BANGKOK – LOEI AirAsia 10.30 -11.45
ห้วยกระทิง
ถนนคนเดินเชียงคาน - DAY2
ภูลำดวน
แก่งคุดคู้
คาเฟ่เชียงคาน/บ้านสามล้อ
หาดนางคอย - DAY 3
คาเฟ่เดอมีนา
น้ำตกแก่งเกลี้ยง
น้ำตกปลาบ่า
LOEI – BANGKOK AirAsia 18.00 – 19.15
หลายๆคนเลือกที่จะมาจ.เลยด้วยการขับรถมา แต่เอาเข้าจริงๆ เราว่ามันออกจะเหนื่อยไปหน่อย หากมาจากกรุงเทพ ใช้เวลาตั้ง 5-6 ชั่วโมง ถ้าบินมาอาจจะคุ้มกว่า มาถึงแล้วเช่ารถขับเที่ยวต่อ ประหยัดเวลา และพลังงานไปได้เยอะ
สายการบินแอร์เอเชียก็มีบินมาที่เลยทุกวัน กรุงเทพ – เลย วันละ 2 เที่ยว คือ 10.30 -11.45 และ 15.10 – 15.25 และขากลับ เลย-กรุงเทพ 12.10 – 13.05 และ 18.00 – 19.15
มาเที่ยวเลยเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้ หรือจะเพิ่มอีกหนึ่งวันก็ดี ยังมีที่ให้เที่ยวเหลือเฟือ ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรทำ เที่ยวอิสานประหยัดอยู่แล้ว ยิ่งได้ตั๋วโปรของแอรฺ์เอเชียจะยิ่งคุ้มขึ้นไปอีก เค้าออกโปรมาเรื่อยๆ ติดตามได้ที่ @AirAsia เด้อ หรือจองเลยที่ www.airasia.com
สนามบินเลย มีขนาดเล็กๆ น่ารัก ตะมุตะมิ บินมาถึงก็เดินออกจากเครื่องบินเข้าตัวอาคาร รอรับกระเป๋าได้เลย
ที่หน้าสนามบิน มีบริษัทรถเช่าหลายบริษัท ทั้งแบบเฟรนไชน์ หรือบริษัทท้องถิ่น ถ้าจะเช่าแนะนำให้จองมาก่อนเนอะ ของเราจองออนไลน์มากับAVIS เข้าเว็บเลือกรถ จ่ายเงิน ราคาแน่นอนกว่ามาดูหน้างาน บินมาถึงก็รับรถได้เลย จองรถเช่าได้ที่นี่ http://www.avisthailand.com/EN/index.php
อีกตัวเลือกหากไม่อยากเช่ารถขับ ที่นี่เค้าก็มีBus จากสนามบินไปเชียงคาน คนละ 150 บาท รอรับผู้โดยสารจากทุกไฟล์ทที่มาจากกรุงเทพเลยค่ะ
ห้วยกระทิง
หลังจากรับรถแล้ว เราก็ขับตรงมาที่ “ห้วยกระทิง” ซึ่งห่างจากตัวเมืองไม่ไกล แหล่งพักผ่อนหย่อนใจชั้นเลิศของชาวเลย เราสามารถเช่าแพลอยไปกลางลำห้วย แล้วกระโดดลงน้ำจากหน้าแพได้เลยเด้อออ อากาศแบบนี้มีหรือจะไม่โดด ถ้าหิวก็สั่งอาหารเข้าไปกินในแพได้ เรียกว่า ถ้าใครชอบบรรยากาศกลางน้ำ อยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ต้องชอบที่นี่แน่ๆ ลองเตรียมหนังสือซักเล่ม เตรียมเพลงดีๆ จะเอาลำโพงบลูทูธมาด้วยก็ได้ นั่งชิว นอนชิวอยู่ในนี้แหละ พักผ่อนทั้งทีเนอะ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย
ในแพมีหมอนมีเสื่อเตรียมไว้ให้ ส่วนถ้าอยากได้ห่วงยางหรือชูชีพ ต้องแจ้งทางร้านอีกทีนึง มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ส่วนราคาก็ แพเล็ก 300 บาท แพใหญ่ 500 บาท จะมีเรือหางยาวลากแพไปอยู่กลางน้ำ แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ อยู่ได้เรื่อยๆเลย ไม่จำกัดเวลา อยากกินอะไรเพิ่ม หรืออยากกลับเมื่อไหร่ ค่อยโทรเรียกเรือมาลากเข้าฝั่ง
ถ้าอยากเข้าห้องน้ำจะมีตัวเลือกอยู่ 2 ตัวคือ เรียกเรือจากฝั่งมารับไปเข้าที่หลังร้าน กับกระโดดลงน้ำเนียนๆ ไป
เนื่องจากเราเพิ่งลงเครื่องมาถึงตอนบ่ายพอดี หิวมากๆ เลยจัดอาหารไปชุดใหญ่ สั่งเหมือนคนอดอยาก ซึ่งตอนสั่งก็ไม่คิดว่าจานจะใหญ่ขนาดนี้ อย่างต้มยำนี่ก็มาเป็นกาละมังเลย มากันแค่ 2 คน บ่หมดจ้าาา เยอะเกิ๊นน
แนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ อยู่จนถึงรอพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็ขึ้นฝั่งกลับ บรรยากาศตอนแสงสีทองสะท้อนน้ำมันดีมากๆเลย โดดน้ำลอยคอ ชิลลลล แดดไม่แรงเกินไป แต่ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดเนอะ
เชียงคาน
ออกจากห้วยกระทิงขับรถต่อไปที่เชียงคานใช้เวลาประมาณ1ชม. เรามาถึงตอนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วแต่ยังพอมีแสงเบาๆให้เดินเอื้อยอิ่งชมบ้านไม้เมืองเก่าบนถนนเลียบฝั่งโขงบรรยากาศดีมากๆ
เรามาเที่ยวเชียงคาน4-5 ครั้งแล้วยังไม่เบื่อเลยให้มาอีกก็มาได้มันเหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศหนีงานมาพักผ่อนอะเสน่ห์เชียงคานเมืองเก่าริมโขงยังน่ารักเหมือนเดิม ประทับใจทุกครั้งที่ได้มา
บ้านชานเคียง
ชานเคียงเชียงคานเกสเฮ้าส์เก๋ๆริมโขงที่เราเคยมาพักสมัยเป็นสาวมหาลัยเพิ่งมีแฟนคนแรก555 วันนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยเปลี่ยนนี่ไม่ใช่เพราะตกแต่งเพิ่มนะแต่เปลี่ยนแบบย้ายที่อยู่เลยถ้าใครเคยมาเชียงคานต้องจำบ้านชานเคียงได้บ้างแหละเพราะเมื่อก่อนอยู่ใจกลางถนนคนเดินตอนนี้ย้ายมาอยู่โซนที่สงบขึ้นออกจากถนนคนเดินมาไม่ไกลมากแต่อยู่ฝั่งริมโขงเหมือนเดิมมองเห็นวิวแม่น้ำห้องพักก็บรรยากาศดีเหมือนเดิมชอบที่นี่มากมีความทรงจำเยอะ
เราได้มีโอกาสคุยกับพี่เจ้าของบ้านชานเคียงสุดอินดี้แกบอกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ใหม่ลูกค้าเข้าคาเฟ่น้อยลงก็จริง(เพราะเมื่อก่อนอยู่ย่านใจกลางถนนคนเดิน) แต่ที่ใหม่มันสงบขึ้นไม่วุ่นวายคนไม่พลุกพล่านเหมือนพอเราโตขึ้นจากเป็นคนรักสนุกก็เปลี่ยนเป็นคนรักสงบแทนและที่นี่ก็ให้บรรยากาศเหมือนตอนเชียงคานยุคแรกๆตอนที่ยังไม่บูมมากเหมือนตอนนี้
ติดต่อจองห้องพัก บ้านชานเคียง โทร 085 460 2035
https://www.facebook.com/Chankhiang.Chiangkhan/
บ้านชานเคียง ด้านหน้าทำเป็นคาเฟ่ด้านหลังทำเป็นห้องพัก มีทั้งหมด 4 ห้อง แต่กำลังตกแต่งเพิ่มเรื่อยๆ ยังไม่เสร็จดี อาจมีห้องเพิ่มด้วย
ห้องพักชั้น2 มีระเบียงชมโขงด้วย
ถนนคนเดินเชียงคาน
มาเที่ยวถึงเชียงคานจะพลาดถนนคนเดินได้ยังไงที่นี่มีทั้งร้านอาหารสตรีทฟู๊ดบาร์คาเฟ่เกสเฮ้าส์ในถนนเส้นเดียวเดินเพลินๆจิบโค้กวุ้นจิบเบียร์วุ้นไปด้วยเย็นชื่นใจจ้าา
เดินๆอยู่ก็สะดุดตากับร้านนี้ “นางสตูดิโอ” ขายภาพวาดสีน้ำและโปสการ์ดเป็นของที่ระลึกนอกจากนั้นยังรับวาดภาพเหมือนด้วยนาพี่แกกำลังนั่งลงสีอยู่ข้างหน้าร้านนี่แหละ
แอบถามมาด้วยว่าถ้าเราอยากได้ภาพวาดผีมือนางบ้างต้องทำยังไงพี่แกบอกว่าปกติไม่ได้รับวาดแบบที่นั่งเป็นแบบแล้ววาดสดนะแต่จะให้เอารูปที่อยากได้มาเดี๋ยววาดเสร็จจะส่งไปรษณีไปให้ที่บ้านเพราะถ้าอยากได้สวยๆอะมันต้องใช้เวลาแล้วราคาก็ไม่แพงเลย500-800 บาทเองขึ้นอยู่กับไซด์และดีเทล
Chiangkhan Coffee
แถวๆถนนคนเดินเชียงคานมีคาเฟ่หนึ่งเตะตาเรามากๆเพราะมีหลังคาที่ถูกคลุมไปด้วยสีเขียวจากใบไม้หรือใบอะไรก็ไม่รู้ตั้งอยุ่ตรงหัวมุมก่อนจะเข้าซอยเลียบโขงตอนเข้าร้านต้องมุดๆหน่อยนึงได้ฟีลHidden Cafe ข้างในจะรู้สึกร่มรื่นเพราะใบๆมันปิดทางเข้าเอาไว้ส่วนนึงเอ้าสั่งกาแฟจิบบลูโซดาแก้กระหายหน่อยเร้ว
ภูลำดวน
ปกติแล้วเชียงคานจะมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ที่ภูทอกแต่เราเคยไปมาแล้วก็เลยหาอีกภูเพื่อไปเสพย์บรรยากาศยามเช้าก็คือ“ภูลำดวน” ภูลำดวนอยู่ห่างจากเชียงคานประมาณ35 กิโลเมตรเมื่อมาถึงจุดจอดรถจะต้องนั่งรถอิแต๊กเพื่อขึ้นไปบนภูอีกประมาณ15 นาทีเป็นภูที่ไม่ต้องกลัวเหนื่อยเพราะแทบไม่ต้องเดินเลยจ้าา
ค่ารถอีกแต๊กราคา60บาทต่อคนถ้ามาหลายคนสามารถเหมารถคันละ300 บาท
แนะนำให้มาตอนเช้าๆตอนแดดอ่อนๆเพราะบนภูมีร่มน้อยมาก
เราไม่ได้มาตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรอกเพราะตื่นไม่ทันแต่ก็ยังถือว่าเช้าแหละหมอกยังลอยคลุ้งๆอยู่วิวข้างบนคือดีงามมมมพระรามเก้าสามารถมองเห็นคุ้งน้ำโขงและเกาะแก่งต่างๆมองข้ามน้ำโขงก็เป็นฝั่งลาวแล้วภูเขาฝั่งลาวรูปทรงเท่มากเห็นแล้วอยากลองข้ามไปฝั่งลาวเลย
ชาวบ้านเรียกทางเดินลอยฟ้าบนภูลำดวนว่าSky walker คนจนเพราะมันเกิดจากการร่วมมือร่วมใจสร้างทางเดินนี้จากชาวบ้านด้วยกันเองเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเกิดรายได้สู่ชุมชน
แก่งคุดคู้
ใครมาเที่ยวเชียงคานก็ต้องแวะมาแก่งคุดคู้แหละความพิเศษของที่นี่คือแก่งนี้มีแนวหินกั้นขวางทางแม่น้ำโขง
แก่งคุดคู้มีตำนานเล่ามาว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนายพรานชื่อจึ่งขึ่นดั้งแดงเห็นควายเงินกำลังดื่มน้ำอยู่ริมโขงจึงเตรียมตัวล่าขณะกำลังเล็งเป้าไปที่ควายเงินมีพ่อค้านั่งเรือผ่านมาพอดีทำให้ควายเงินตกใจวิ่งหนีไปนายพลานจึ่งขึ่งจึงโกรธและแก้แค้นด้วยการแบกหินมากั้นลำน้ำไม่ให้เรือผ่านแต่มีเณรมาเห็นพอดีเณรจึงออกอุบายว่าให้ใช้ไม้ไผ่เซี๊ยะมาแบกหินจะสะดวกกว่านะจึ่งขึ่งทำตามแต่ไม้ไผ่เซี๊ยะก็หักบาดคอจึ่งขึ่งเสียชีวิตในท่าทางคุดคู้ทั้งที่ยังกั้นแม่น้ำไม่เสร็จจึงเป็นที่มาของแก่งคุดคู้ที่มีแนวหินขวางกั้นครึ่งหนึ่งนั่นแล…
นอกจากดูแก่งคุดคุ้แล้วบริเวณเดียวกันมีร้านอาหารอีสานหลากหลายทั้งริมน้ำทั้งบนเนินมองเห็นวิวจะสั่งไก่ย่างส้มตำปลาน้ำโขงเผาอะไรก็สั่งได้เลยจ้าาาอ้อแถวนี้ขึ้นชื่อเรื่องมะพร้าวแก้วด้วยนะเหมาะกับซื้อไปเป็นของฝากให้ที่บ้าน
บ้านสามล้อ
ระหว่างทางขับรถจากแก่งคุดคู้กลับเข้าเชียงคานบังเอิญขับผ่านบ้านไม้ที่ดูคล้ายคาเฟ่ข้างทางเลยแวะเข้าไปดูเขียนว่า“มัลดีฟส์เมืองเชียงคานบ้านสามล้อ” โอโห้มัลดีฟส์มาไกลถึงเชียงคานเลยเว้ยเห้ย
คือที่นี่เป็นบ้านพักไม้ล้อมรอบบ่อน้ำเขียวๆมีเปลมีชานนั่งบนน้ำดูชิวมากๆต้นหมากนั้นก็ดูเหมือนต้นมะพร้าวเลยฟีลยังกับบ้านบนเกาะแต่ป่าวจ้านี่บ้านบนคลองขุดบ้านน่ารักดีเป็นบ้านไม้ พัดลม ถ้ามานอนช่วงหน้าหนาวคงอากาศดี
ถ่ายรูปเล่นเดินเล่นรอบบ้านสามล้อก็เพลินๆ
The Season Cafe
ช่วงกลางวันข้างนอกอากาศกำลังร้อนๆสิ่งที่ดีที่สุดคือการเข้าคาเฟ่ค่ะตากแอร์ก่อนพอแดดร่มลมตกค่อยออกไปข้างนอก The Seasons cafe นี่ก็อยุ่ข้างๆกับบ้านสามล้อเลยทางเดินเชื่อมกันสั่งน้ำอัญชันมะนาวดื่มให้ชื่นใจต่อด้วยบลูเบอรี่ชีสเค้กนะจบแบบสวยๆ ได้เช็คอินคาเฟ่เชียงคานไปอีกหนึ่ง
เฟสบุค the seasons cafe
https://www.facebook.com/The-Seasons-Cafe-984703794990996/
TEL : 089 622 9149
หาดนางคอย
ไฮไลท์ของวันนี้คือหาดนางคอยซักบ่าย3 บ่าย4 ออกไปหาที่นั่งชิวริมหาดจังหวัดเลยนี่เก๋ไก๋สไลเดอร์มากค่ะเป็นจังหวัดไม่ติดทะเลแต่มีชายหาดเด้อออแล้วบรรยากาศดีด้วยอะร่มชายหาดสีสันๆแคร่อาบแดดห่วงยางล้อรถฟีลทะเล๊ทะเล
เป็นหาดเล็กๆแต่คึกคักคนท้องถิ่นชอบมานั่งปิกนิกกันหอบเสื่อหอบกระติกน้ำแข็งมานั่งกินริมหาดปล่อยลูกๆลงเล่นน้ำไปพ่อแม่น้าอาป้าลุงนั่งล้อมวงจกข้าวเหนียวส้มตำพีคสุดคือเอาครกมาตำส้มตำเองด้วยทั้งๆที่ร้านแถวนี้มีเยอะมากๆก็แหมสำหรับลูกอีสานรสชาติส้มตำที่ไหนจะแซบสู้ตำเองอะเนอะ
มาเที่ยวหาดนางคอยมาแต่ตัวก็ได้เพราะมีร้านเช่าร่มเสื่อห่วงยางโต๊ะเก้าอี้อาหารเครื่องดื่มพร้อมมากๆส้มตำไก่ย่างปลาเผายำรสเด็ดแต่ที่เด็ดสุดคือหมูกะทะริมหาดมันต้องโดนจริงๆค่ะ
หาดนางคอยเป็นคุ้งน้ำไม่ใหญ่มากมีพื้นที่ให้เล่นน้ำจำกัดมีไลฟ์การ์ดและทุ่นกันบริเวณที่เล่นน้ำได้เพื่อความปลอดภัยเพราะถ้าออกนอกทุ่นไปน้ำจะเชี่ยวมากมันจะพัดเราไปไกลแน่ๆแค่ตรงที่เล่นได้น้ำก็ไหลแรงแล้วเห็นเด็กวิ่งแบกห่วงยางไปปล่อยตัวที่ต้นทุ่นละปล่อยมันไหลจนสุดหาดเหมือนเล่น Tubing อะ ที่ชอบที่นี่คือน้ำเย็นมากๆเหมาะกับการคลายร้อนได้เป็นอย่างดี
เราอยู่ที่หาดนางคอยจนพระอาทิตย์ตกดินชอบที่นี่จังถ้าได้มาเลยอีกก็จะมาที่นี่อีกแน่นอน
DAY 3
เช้าวันที่3 แล้วยังมีเวลาให้เที่ยวต่อก่อนจะบินกลับตอนเย็น มาเริ่มที่อาหารเช้าขึ้นชื่อของที่นี่คือไข่กระทะกับขนมปังญวณไส้หมูมีหลายร้านให้เลือกเราว่าเหมือนกันหมดอะอร่อยเหมือนกัน
ON THE WAY
หลังจากเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักสถานที่ต่อไปจะออกไปไกลหน่อยทางฝั่งภูเรือ(แต่ไม่ได้เข้าภูเรือนะ) ระหว่างทางคือเขียวมากยิ่งมองยิ่งรู้สึกดีดีใจที่เอาตัวเองออกมาจากเมืองที่วุ่นวาย มองไปเห็นแต่ตึกกับป้ายโฆษณาแต่นี่คือป่าจริงๆไม่ใช่ป่าปูนสีเขียวมันทำให้สบายตาได้เสมอเลย
คาเฟ่ดีมีนา
ปักหมุดขับรถจากเชียงคานตรงมาที่คาเฟ่ดีมีนาประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงที่นี่เป็นคาเฟ่กลางทุ่งนาตามชื่ออะมีทางเดินไม้เข้าไปชมนาอย่างใกล้ชิดแต่พอดีมาตอนที่เกี่ยวข้าวไปแล้วทุ่งนาวันนี้ก็เลยโหวงๆหน่อยแหะๆ
เฟสบุค คาเฟ่ ดี มีนา
TEL : 042 899 418
https://www.facebook.com/pages/คาเฟ่-ดี-มีนา/1627859577469264
ขอนอนเปลเล่นไปก่อนละกันเนอะ
นอกจากชมทุ่งนาและคาเฟ่แล้วอาหารเค้าก็ดีไม่แพ้นาเมนูเป็นอาหารไทยๆมีให้เลือกหลากหลายมาเป็นแบบปิ่นโตเลยก็มีเค้าใช้ข้าวออแกนิกมีให้เลือก5 สีสีขาวข้าวปกติสีเหลืองจากขมิ้นสีม่วงจากอัญชัณสีเขียวจากใบเตยสีแดงคือข้าวไรซ์เบอรี่ดีเทลไปอิ๊กกกกขนมเค้กของหวานก็มีเด้อแต่วันนี้เราเน้นข้าวจ้า
น้ำตกปลาบ่า
ออกจากคาเฟ่มาไม่ไกลจะมีน้ำตกให้เลือก3น้ำตกในส่วนของวันนี้เราจะแวะแค่2 ก็พอที่แรกคือน้ำตกปลาบ่าหรือเรียกอีกชื่อว่าน้ำตกตาดสานที่นี่ร่มรื่นมากๆหาข้อมูลก่อนมานิดนึงเค้าบอกว่าน้ำที่นี่แรงเล่นไม่ได้แต่ด้วยความอยากมาดูเฉยๆเพราะชื่อว่าปลาบ่าบ่าแปลว่ามันต้องเป็นน้ำตกที่ใหญ่แน่ๆ
ปรากฏว่าไม่มีน้ำจ้า คือการเที่ยวน้ำตกในฤดูร้อนเนี่ยจะต้องลุ้นนิดนึงว่าจะมีน้ำมั้ย แต่เราว่าแบบไม่มีน้ำนี้มันก็ได้ฟีลไปอีกแบบ ได้ไปนั่งบนสันทางไหลของน้ำตกนั้นแล้วรู้สึกคูลชะมัด เพราะถ้าน้ำไหลมาคงไม่มีโอกาสได้ภาพแบบนี้แน่ๆ แล้วเราก็ได้เห็นเต็มๆตาว่าจริงๆหินภายใต้น้ำตกอะ มันสวยขนาดไหน
เอาเป็นว่าใครอยากมาเที่ยวน้ำตกปลาบ่าในช่วงที่น้ำเต็มๆควรจะมาช่วงเดือนพ.ค.-ก.ย. นะคะ
น้ำตกแก่งเกลี้ยง
โลเคชั่นสุดท้ายของทริปนี้น้ำตกแก่งเกลี้ยงไม่ทำให้เราผิดหวังที่นี่มีน้ำตลอดปีเป็นน้ำตกขนาดเล็ก2 ชั้นไม่สูงมากตรงกลางเป็นแอ่งน้ำให้ลงว่ายน้ำเล่นได้คนท้องถิ่นนิยมมาปิกนิกริมน้ำและเล่นน้ำคลายร้อนกันวันที่เรามาก็พอมีเด็กๆเล่นน้ำอยู่บ้างแค่เราได้เอาเท้าจุ่มน้ำก็พอใจแล้วทำใจให้สบายถ้าใจเราเย็นอากาศ44 องศาก็ทำให้รู้สึกเย็นได้
ก่อนที่เราจะมาที่นี่มีเรือเป็ดปั่นเล่นล่องไปตามลำคลองแต่เค้าเพิ่งเก็บเรือกลับไปและจะเอามาให้เล่นใหม่ในช่วงวันหยุดยาว และหากมาน้ำตกแก่งเกลี้ยงในช่วงฤดูฝนที่นี่จะเป็นที่ล่องแก่งชั้นดีเลยแหละ
หมดเวลาสนุกแล้วได้เวลากลับบ้านเราขับรถตรงดิ่งไปที่สนามบินเข้าเช็คอินแอร์เอเชียไฟล์ท6 โมงเย็น
เอาจริงๆมาเที่ยวทริปเลยนี่ไม่แพงเลยนะที่พักถูกอาหารก็ถูกค่าเข้าสถานที่หลายๆที่ก็ฟรีเผลอๆอยู่ที่นี่ประหยัดกว่าอยู่กรุงเทพอีกออกจากเมืองมาดูธรรมชาติกันบ้างแล้วสูดอากาศเก็บไปให้เต็มปอด
ค่าใช้จ่ายทริปเมืองเลย 3 วัน 2 คืน
- เดินทาง
เช่ารถ+ประกัน+น้ำมัน2400+800บาท- ที่พัก
บ้านชานเคียง2คืน1400 บาท- อื่นๆ
อาหาร+เครื่องดื่ม2คน1600 บาท
ห้วยกระทิงล่องแพ+อาหาร300+500 บาท
ภูลำดวน2 คน120 บาท
ที่จอดรถแก่งคุดคุ้20 บาท
ที่จอดรถหาดนางคอย20 บาทรวมค่าใช้จ่ายสองคน7,160 บาท
ตกคนละ3,580 บาท***ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน นี่ถ้ามาเป็นแก๊ง4คนหารค่ารถกันจะถูกกว่านี้อีกเยอะ
และนี่ก็เป็นทริปเที่ยวจังหวัดเลยในแบบของเรา
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ
ต้นอ้อ high on dreams :}