โดดน้ำเบาๆ กับวิวงามๆ 360 องศา ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
– เขาสก จ.สุราษธานี
อยู่ดีๆก็อยากพาตัวเองไปโดดน้ำที่ไหนสักที่ ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นตลอดเลย เคยฝันอยากมีห้องอยู่กลางน้ำ ประมาณว่าวิ่งออกจากห้องแล้วก็โดดลงน้ำได้เลย
กาญจนบุรีคือที่แรกที่นึกถึง แต่ดันอยากไป เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่เขาสกมากกว่าเพราะมีวิวสวยงามอลังการ เราว่าสองที่นี้คือที่โดดน้ำจากหน้าที่พักได้แบบที่เราต้องการ
ไปค่ะ ที่รัก ไปเขื่อนเชี่ยวหลานกัน
การเดินทางมาเขื่อนเชี่ยวหลาน
เราเริ่มจากจองตั๋วแอร์เอเชียล่วงหน้า 1 อาทิตย์ก็ได้ราคาโปรฯแล้ว กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี เวลา 9.50 – 10.55 เวลาอาจไม่สวยเท่าไหร่ แต่ราคาสบายกระเป๋า เพราะปกติแล้ว การจะไปเที่ยวแบบคุ้มๆเนี่ย มันควรจะเริ่มตั้งแต่เช้าหน่อย เพราะเราจะได้มีเวลาเที่ยว มีเวลาเก็บภาพประทับใจได้อย่างเต็มที่
พอถึงแล้วก็หารถตู้เพื่อตรงไปเขื่อนรัชประภา(หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน) เลย มีรถตู้หน้าสนามบิน และรถตู้ที่จองก่อนมาเพื่อความชัว ของเราเป็นแบบโทรจองรถตู้ก่อนนะคะ บอกเค้าให้เสร็จสรรพว่าให้มารับที่สนามบิน แล้วไปส่งที่เขื่อน ถึงแม้ว่ารถจะมีทุกชั่วโมงก็จริง แต่ก็ควรโทรแจ้งก่อนเนาะ
ค่ารถจากสนามบินสุราษธานี ไปเขื่อเชี่ยวหลาน 200 บาท / คน / เที่ยว
(นี่เบอร์คิวรถตู้ 077-287059 โทรไปบอกก่อนได้ ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip ด้วยค่ะ)
ท่าเรือไปขึ้นแพที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
พอมาถึงท่าเรือบริเวณสันเขื่อน บางคนที่จองที่พักมาแล้ว จะมีเรือจากที่พักมารับ เราไม่ได้จองเรือไว้ก่อน เพราะตอนที่โทรจองแพ 500ไร่ ห้องพักเต็มหมด T^T เลยต้องมาหาเอาดาบหน้า
และพอมาถึงก็สอบถามผู้คนแถวนั้น เพื่อหาข้อมูลที่พัก ซึ่งโชคดีมากมีเจ้าหน้าที่ยื่นแคตตาล็อกที่พักมาให้ ราคาเริ่มต้นที่ 300-3,000 บาท พอได้ชื่อที่พัก + ราคาที่ต้องการ ก็เสิร์ชหาเบอร์โทร เพราะมันจะได้ราคาถูกกว่าจองผ่านแคตตาล็อก ไม่โดนหักค่าหัวคิว
เราเลือกที่พักของแพสายชล คืนละ 1,200 บาท/คน ห้องน้ำรวม พัดลม อาหาร 3 มื้อ ไม่รวมค่าเรือ (จากราคาในแคตตาล็อก1,500 ถูกกว่าตั้ง 300 อิอิ) แล้วก็เราบอกว่า เดี๋ยวหาเรือไปเอง เพราะเค้าคิดค่าเรือ 2,500 ต่อวันเลย
ถ้าอยู่ 2 คืนจะคิดเพิ่มอีก 1,500 (มีคนขับเรือนอนรออยู่ที่แพด้วย ไม่กลับฝั่ง)
เรามากันแค่ 2 คน เลยกะจะมาหาคนแชร์ค่าเรือเอาข้างหน้า แต่ปรากฏว่ามันยากมาก ยิ่งไปวันธรรมดาด้วย ยิ่งไม่มีคน T__T จึงต้องจำใจยอมจ่ายไป 2,500 ใช้เวลา 1 ชั่วโมงไปถึงตัวแพ (ณ จุดนี้ ขอนั่งแอร์เอเชียไปแทนได้มั้ย ถูกกว่าเรืออีก 555) เป็นทริปที่งบบานปลายจริงๆ T_T
ถ้าอยากเที่ยวถูกๆ ควรจะมากับเพื่อนซัก 10 คนนะ มาช่วยกันแชร์ค่าเรือหน่อย – -“ หรือถ้าจองล่วงหน้าทางที่พักจะจัดเรือให้เดินทางมาพร้อมกับลูกค้าคนอื่น หารค่าเรือกัน ถ้าเค้าโอเคจะร่วมทางกับเราด้วยอะนะ
พอก้าวลงเรือพร้อมกระเป๋าเป้ตุง แต่กระเป๋าตังแฟบ
เมื่อเรือออกจากท่ามาซักพัก ภาพข้างหน้าที่เห็น มันสวยงามเกินคำบรรยายใดๆ
….
ฝนตกค่ะ
ฝนตก!!!!
ฝนตกแต่แดดออก
ในความโชคร้ายมันมีความโชคดีแฝงอยู่ เราได้เห็นรุ้งกินน้ำด้วยยยยยย ตั้งแต่จุดที่มันกำเนิดยันปลายรุ้งเลย มหัศจรรย์ ^_^ ไม่ใช่ทุกคนจะได้เห็น มันอยู่ที่ช่วงเวลาที่เราไปด้วย ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็ไม่เห็นนะแบบเนี้ย พระอาทิตย์ทำมุมกับละอองฝนพอดี จึงได้ภาพเซตนี้มาแบบไม่ต้องแต่งอะไรเลย
เค้าว่ากันว่า ใครที่ได้เห็น end of a rainbow จะโชคดี มีเงินไหลมาเทมา แต่ได้ข่าวว่าหมดเงินไปกี่บาทละเนี่ยกับค่าเรือนี้ 555
พอฝนเริ่มซา ก็ออกไปถ่ายรูปกันอีกครั้ง สายรุ้งก็ยังอยู่กับเราเรื่อยๆ ชอบจัง
:)
นี่เขาสามเกลอ (แต่เรานับได้ 4 เกลออ่ะ) แลนด์มาร์คของที่นี่แหละ บางคนก็เรียกว่า กุ้ยหลินเมืองไทย แต่เรารู้สึกว่าจุดนี้ดับไปเลย หลังจากเจอสายรุ้งเว่อวังเมื่อกี้
สีน้ำที่นี่เป็นสีเขียว เหมือนสีน้ำทะเลเลย เค้าถึงว่ากันไง ว่าเป็นทะเลน้ำจืด อยากจะกระโดดลงไปซะตอนนี้ แต่พี่คนขับเรือห้ามไว้ เพราะมันเป็นจุดห้ามเล่นน้ำ :(
จะเห็นว่าบางภาพก็น้ำเขียว บางภาพก็ไม่เขียว มันเป็นมุมที่แสงตกกระทบค่ะ ถ้าถ่ายย้อนแสงก็จะไม่เห็นสีน้ำ ถ้ามาเวลาเที่ยงๆก็จะเห็นทั้งน้ำสีเขียวและฟ้าสีฟ้าเลยหละ
ไปๆมาๆก็เริ่มรู้สึกว่าเวลานี้กำลังดี 4-5 โมงเย็น เป็นช่วงเวลาที่แสงจากดวงอาทิตย์ส่องผิวน้ำ แล้วน้ำดูสีสวยมาก ธรรมชาติ มีอะไรมา Surprise ตลอดเลย :) ภาพที่ออกมามันเหมือนกับตาเห็นเด๊ะเลย
พี่คนขับเรือจะพากลับไปที่พักแล้ว อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากะจะโพสรูปซักหน่อย สัญญาณก็หายไปซะแล้ว คงจะได้หยุดจริงๆ บอกลาโซเชียลเนตเวิร์คได้เลย ดินแดนแห่งนี้ ไม่มีอินเตอร์เนต และสัญญาณโทรศัพท์
แพสายชล เขื่อนเชี่ยวหลาน
แพสายชิลมีห้อง 2 แบบ แบบบ้านไม้พัดลม ห้องน้ำในตัว และแบบบ้านไม้สีขาวเป็นห้องน้ำรวม คือหลังที่เราจองมานั่นเอง ที่แพสายชลวันนี้ คนที่มาพักส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง มากันเป็นแก๊งใหญ่ๆเลยประมาณ 10 กว่าคน ตอนแรกนึกว่าเขื่อนนี้ฮอตแต่กับคนไทยซะอีก
วิวที่นี่สวยแบบ 360 องศาเลยอ่ะ ภูเขาล้อมรอบ กับหมอกเป็นหย่อมๆ โชคดีที่ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว มันสวยจนเราวางกล้องไม่ลงเลยจริงๆ นี่กดชัตเตอร์ตลอดตั้งแต่นั่งเรือ ยันเข้าห้องพัก โหมด iAuto เกือบตลอดงาน มันเวิร์คค่ะ
อาหารเย็น
หลังจากที่เรานั่งเล่นกินลม ชมวิวตรงที่พักจนมืด พนักงานก็เดินมาเรียกไปทานข้าว อาหารบนโต๊ะที่จัดเตรียมมาให้คือมันเยอะมากกกก มีทั้งถูกปากและไม่ถูกปาก ก็แล้วแต่ใครจะชอบ ซึ่งสำหรับเราแล้ว
ปลาทอด 1 ตัว (ให้กินทั้งตัวก็เยอะไป๊ แต่กินหมดนะ อร่อย)
แกงส้ม (ก็เฉยๆ ได้ 3 ดาว)
ต้มข่าไก่ (อันนี้ไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่)
ใบเหลียงผัดไข่ อร่อยมากกกกๆๆๆ
ไข่เจียว
แตงโม
แอบรู้สึกเฟลนิดนึง ตรงที่คิดว่าจะได้กินอาหารทะเล 555 เหมือนที่เคยไปกินที่โฮมสเตย์จันทบุรี แต่ลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่ทะเลนะ 555 ดีที่อย่างน้อยมันก็ยังมีอาหารที่ถูกปากอยู่บ้าง ถ้ามาอีกครั้ง ว่าจะเลือกแบบที่พักไม่รวมอาหาร แล้วค่อยสั่งมาทานแทนดีกว่า กำหนดปริมาณได้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ด้วย
ส่วนเครื่องดื่ม มีน้ำเปล่ากับน้ำแข็งให้ฟรี ในช่วงระหว่างทานข้าวเท่านั้น ถ้าอยากกินโค้ก ขวดละ 80
ดูดาว
หลังอาหาร เราออกมานั่งกินเบียร์ดูดาว ที่หน้าห้องพัก พร้อมเอาขาจุ่มน้ำไปด้วย นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ดิน ฟ้า อากาศ
ไม่มีโทรศัพท์มากด ที่เคยอุปโลกน์ว่าโทรศัพท์เป็นอวัยวะสำคัญ ขาดไม่ได้ เหมือนขาดใจ แต่พอไม่มีมัน มันก็ไม่เป็นไรนี่หว่า เงยหน้ามาคุยกับคนข้างหน้าดีกว่า
:)
เหมือนจะโรแมนติกเนอะ แต่ฟ้าปิด ไม่มีดาวไง อารมณ์ประมานนั่งห้อยขาจุ่มน้ำ มองความมืดมิด 555
GOOD MORNING CHIEWLARN DAM
เช้าวันใหม่ เราตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อออกมาสูดอากาศ สัมผัสอากาศเย็นๆ กะจะดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่พระอาทิตย์โดนภูเขาบังมิด (ถึงเขาไม่บัง ก็ตื่นไม่ทันอยู่ดี – -“ )
ตื่นมาคนเดียว ตั้งกล้องถ่ายรูปตัวเอง เดินเล่นรอบที่พักคนเดียว เช้าๆนี่เงียบเชียว ตื่นมาเพื่อรู้ว่า อากาศมันน่านอนจริงๆ เสร็จแล้วกลับไปนอนต่อ เนี่ยแหละ ความสุขเล็กๆของอุไร (ชื่อเรา) 5555
GOOD MORNING AGAIN
ตื่นมาอีกครั้ง เพื่อไปทานอาหารเช้า
เค้าจะให้เลือกว่าจะรับอาหารเช้าแบบไหน อเมริกันเบรคฟาสต์ หรือ ข้าวต้มกุ๊ย ก็โอเคอยู่นะ เราเลือกเซตข้าวต้มมันเยอะเกินไปสำหรับเรากินคนเดียว ก็เลยห่อปลากรอบที่เหลือ เก็บไว้กินเล่น อิ่ม
พายคายัคชมวิว
ได้เวลาลงน้ำแล้ว พายเรือคายัคในเวลา 9 โมงเช้า แดดกำลังดำดีค่ะ 5555 มาเที่ยวทั้งที อย่าได้กลัวแดด
เราพายเรือกันออกไปไกลพอสมควร จนไปถึงเวิ้งๆหนึ่ง น้ำนิ่งและสงบมาก เพราะมันอยู่หลังเกาะ คลื่นจากเรือก็เข้ามาไม่ถึง เราปล่อยให้เรือหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น วางไม้พาย แล้วปล่อยให้คลื่นเบาๆ พาไป
ไม่ได้จะ SLOWLIFE อะไรนะ
เราเมื่อย…
(บ่นๆ พร้อมกับหยิบปลากรอบที่เหลือจากอาหารเช้าขึ้นมากิน)
พายเล่นไปเล่นมาซักพัก อยู่ดีไม่ว่าดี อิฉันก็อดใจไม่ไหว กระโดดลงน้ำจ้าาา ท่ามกลางทะเลสาบเขาสกแห่งนี้ คือน้ำมันใส มันน่าลงไปว่ายน้ำจริงๆนะ ห้ามตัวเองไม่ไหว วิวดี อากาศดี น้ำก็เย็นดี
และผลสุดท้ายคือ ปีนกลับขึ้นเรือไม่ได้ ว่ายเป็นลูกหมาตกน้ำ และต้องเกาะเรือคายัคกลับเข้าแพ 5555 คือถ้าโดดขึ้นเรือมีสิทธิ์คว่ำ ตกน้ำทั้งสองคนจะไม่มีใครพายกลับกลัวจะได้ว่ายน้ำลากเรือกลับหนะสิ
กระโดดน้ำกัน
เรามาเล่นน้ำกันต่อที่แพ แบบโดดจากหน้าที่พักกันเลย
จริงๆที่นี่มันก็มีกิจกรรมให้ทำมากกว่านี้อีกเยอะ เช่นนั่งเรือไปดูถ้ำ ส่องสัตว์ เล่นน้ำตก แต่เรามีจุดประสงค์มาแค่โดดน้ำอะ ส่วนถ้ำเราก็ไม่อิน รู้สึกว่าวิวที่เห็นเนี่ยย มันก็สุดยอดแล้ว อิ่มตา อิ่มใจแล้ว อยากจะมองมันนานๆ ก็เลยเลือกอยู่แต่ที่แพแตัวเองนี่แหละ อิอิ
อาบน้ำเก็บของ และเข้าโรงอาหารไปทานมื้อเที่ยง มื้อสุดท้ายของที่นี่ ก็ยังคงไม่ค่อยถูกปากเหมือนเดิม T_T คือเราไม่ชอบกินผักง่ะ
และแล้วก็จบทริปอย่างสวยงาม ได้กระโดดน้ำสมใจ บ๊ายบายนะ เขื่อนรัชประภา เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสกหรือจะเรียกว่าอะไรก็ตาม เพิ่งจะรู้ไม่นานนี้ว่ามันคือที่เดียวกัน
ก่อนกลับก็ถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกสักหน่อย กล้องรุ่นนี้มีระบบสั่งซัตเตอร์ผ่านโทรศัพท์ได้ด้วยนะ พอขึ้นฝั่ง ก็ส่งภาพผ่านไวไฟ อัพโหลดขึ้นเฟสบุคเลย หลังจากขาดโซเชียลไป 24 ชั่วโมง
ขึ้นเรือกลับท่าเรือ สำหรับใครที่จะกลับเลยก็โทรเรียกรถตู้เบอร์เดิมไปส่งที่สนามบินได้ ส่วนเราเดินทางล่องใต้ไปต่อที่จ.ตรัง ก็โทรบอกรถตู้ว่าเข้าเมืองไป Bus Station ไปตรังต่อ
บ๊ายบายนะ เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก จ.สุราษธานีในความทรงจำ
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า
บ๊ายบาย
ต้นอ้อ highondreams :}
Olympus EM10 Mark II
ข้อสรุปจากการใช้งานของเราเอง. สิ่งที่ชอบที่สุดของกล้องรุ่นนี้คือ โหมด iAuto เรายอมเลยจริงๆ ไม่ว่าจะถ่ายภาพลำแสง ถ่ายท้องฟ้า ถ่ายกลางคืน โหมดนี้ช่วยชีวิตได้ทุกสถานการณ์ ถึงจะใช้ระบบ manual เป็น แต่เจอไอ้นี้แล้ว ลืม manual ไปเลย
. กล้องทำงานเร็วดี ถ่ายชอต ฉุกละหุกได้ รู้สึกเหมือนเป็นกล้องที่ดูทรหด แบตเตอร์รี่อึด กันสั่น5แกน ทำให้ถ่ายตอนแสงน้อยได้ดีกว่ารุ่นอื่น
. ดีไซน์ของ Olympus ยังคงคอนเซปท์เดิม ที่เคยทำให้เราหลงรักตั้งแต่รุ่นแรกๆแล้ว สไตล์วินเทจ และเคสหนังคลาสสิก
. เหมาะกับการถ่าย Landscape มากกว่าภาพบุคคล และไม่ใช่กล้องสำหรับ selfie
. เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้ สั่งถ่ายชัตเตอร์ และส่งเข้าโทรศัพท์ได้ง่ายๆ
ส่วนนี้เป็นแค่ความเห็นหนึ่งจากเราเอง แต่ใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อกล้อง อยากให้ลองพิจารณาจากภาพ และฟังก์ชั่นมากกว่า ชอบแบบไหน ก็เลือกให้มันเหมาะกับการใช้งานของตัวเองนะคะ แต่เราว่ามันถ่ายภาพสวยจริงๆนะ แหม่ อวยตัวเอง 555