นี่คือทริปพักผ่อนสวยๆ ที่บาหลี ของ 5 ชะนีที่เพิ่งผ่านการปีนเขา 2 ลูก 2 วันโดยไม่หลับไม่นอน (อ่านตอนปีนภูเขาไฟโบรโม่-คาวาอีเจี้ยน) ข้ามมาถึงฝั่งบาหลี มีรถแทกซี่คันใหม่มารอรับถึงท่าเรือ ไปส่งที่ UBUD (ซึ่งรวมอยู่ในค่าทัวร์ Bromo zigzag อยู่แล้ว) หลังจากพี่แท๊กซี่มาส่งพวกเราที่โรงแรมเป็นที่เรียบร้อยปลอดภัย หัวถึงหมอนปุ๊ป ก็สลบสไลกันไปทุกคน UBUD วันแรก เราใช้เวลาไปกับการนอน ไม่เที่ยว ไม่ทำอะไรทั้งนั้น!!!
โบรโม่ – คาวาอีเจี้ยน ภูเขาไฟที่ควรมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง | MT.BROMO-KAWAH IJEN, INDONESIA
วันที่ 5 สิงหาคม 2018
มอนิ่งค่ะทุกคนนน เราขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียง เรียกเพื่อนๆ แล้วมาเริ่มทริปบาหลี ตามที่แพลนไว้วันนี้กัน คือ ไปเล่นชิงช้า Bali Swing ถ่ายรูปสวยๆ ละไปนั่งคาเฟ่ชิคๆ จิบกาแฟขี้ชะมด ชมนาขั้นบันไดหนึ่งในมรดกโลก และแล้วความฝันอันหอมหวานนั้นก็พังทลาย เพราะฝนตกเว้ยยยย!!!
ฝนตกตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่เราจะไม่ยอมให้ฝนมาเป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยว เสียเงินมาแล้ว ไม่ยอมหรอก เลยไปติดต่อแทกซี่กับฟร้อนเกสเฮ้าส์ เหมารถพาเที่ยวในราคา 300,000รูเปีย โดยเจ้าของโรงแรมนั้นแหละ ที่จะเป็นคนพาเราไป และสถานที่แรกที่พวกเราไปลุยกันคือ
BALI SWING
บาหลีสวิงคือความใฝ่ฝันของหญิงสาวหลายๆคน ภาพติดตาที่มีผู้หญิงใส่กระโปรงพริ้วๆ นั่งแกว่งชิงช้าชิลๆ ที่มีวิวนาขั้นบรรไดสวยๆอยู่ข้างหน้า หาเรฟเฟอเร้นท์เก็บไว้มากมาย และนี่คือภาพที่ได้มา
จ้าาาาาา
ภาพบาหลีสวิงของฉัน ไม่เหมือนใครแน่นอนค่ะ ดีออกกกกกกก!!!! หัวทิ่มลงพื้น ขาลอยชี้ฟ้า แกว่งแรงลมพัดตีหน้า หน้าม้าแตก ละนี่คือฝนตกด้วยนะ แกว่งชิงช้าไปพร้อมกับสายฝน มันช่าง…..เห้อออ…. ความสวยงามที่ฝันไว้หายไปหมดเลย
คือบาหลีสวิงของที่นี่มีให้เลือก 2 แบบ คือ Extream และ Super Extream ราคาก็ต่างกันไป (ประมาณ300-500บาท) นี่ก็สงสัยว่ามันไม่มีแบบแกว่งช้าๆสวยๆ บ้างเลยหรือไร อุปกรณ์เซฟตี้แบบจัดเต็มมาก ถ้าอยากได้ภาพสวยๆแบบขาไม่ชี้ฟ้าก็ต้องหดๆเกร็งๆ นั่งหลังตรงแล้วหุบขาเข้ามา แต่พนักงงานก็จะคอยบอกว่าให้พิงหลังลงไปเลย นั่งแบบนั้นมันอันตรายกว่า
มันคือความผิดพลาดของการไม่หาข้อมูลมาก่อนส่วนหนึ่งนะ เพราะถ้าบอกคนขับรถแค่ว่า จะไป Bali Swing ก็ต้องไปหามาว่าสวิงไหนด้วย ที่ อุบุดก็มีป้ายไปสวิงเป็นสิบๆ จะสุ่มตามป้ายแบบเรามันก็จะเป็นแบบนี้แหละจ้า
BIRD’S NEST
ในที่ที่เดียวกันนี้ เหมือนมันเป็น One Stop Landmark อะ นอกจากจะมีชิงช้าแล้ว ก็มีรังนกให้ถ่ายรูปด้วย รังนกในวันฝนตกก็จะเป็นแบบนี้แหละ ทุลักทุเลไปอี๊กก
….นี่คือความพยายามของเจนไจ ฝนก็ตก รูปก็อยากได้…
LUWAK COFFEE
หลบฝนมาเข้าร่มก่อนดีกว่า ก่อนจะเปียกปอนเป็นหวัดไปมากกว่านี้ ข้อดีในการมาบาหหลีสวิงคาเฟ่ เห็นจะมีอยู่จุดเดียวคือ ไม่มีค่าเข้า และ ได้ชากาแฟฟรี เป็นชาและกาแฟให้ชิม 10 รสชาติ ทั้งแบบผสมผลไม้ ตะใคร้ วนิลา คาราเมล เยอะแยะไปหมด อร่อยอยู่นะ ถ้าชอบรสไหนก็สั่งเพิ่มได้ในราคาเบาๆ
ที่อุบุดมีกาแฟที่ขึ้นชื่อมากๆ คือกาแฟขี้ชะมด(Luwak coffee) มันมาจากเอาเมล็ดากาแฟให้ชะมดกิน นางไม่สามารถย่อยเมล็ดกาแฟได้เลยขี้ออกมา เมล็ดกาแฟนั้นจึงผ่านกระบวนการซัมติงในกะเพราะอาหารชะมด ทำให้ได้รสชาติที่หอม นุ่ม ละมุนขึ้นกว่ากาแฟปกติ …. กาแฟนี้ไม่ได้อยู่ในเซตชิมนะ ต้องซื้อเพิ่ม ละถามว่าเราได้ลองมั้ย ป่าวค่ะ พนักงานเล่าให้ฟัง….
TEGALALANG RICE TERRACE
นาขั้นบันไดที่อูบุด ก็นับเป็นแลนด์มาร์คอีกหนึ่งที่ ที่ควรมาเยี่ยมชมเมื่อมาเที่ยวบาหลี จากรีวิวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เราก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ถึงแม้ว่าจุด Bali Swing One stop service นั้นจะมีนาเหมือนๆกัน คือเหมารถมาแล้วก็อยากเอาให้คุ้มแหละ อยากเห็นที่อื่นบ้าง ไกด์(คนขับรถ+เจ้าของโรงแรม) พาเรามาที่ Tegalalang rice terrace ซึ่งอยู่ถัดออกไปไม่ไกลเลย
มันเป็นความซวยของพวกเรารึปล่าวไม่รู้ ฝนตกไม่หยุดเลย จะเดินไปถ่ายกับนาขั้นบันไดสวยๆ ก็เปียกปอนไปหมด ฝนก็ตกหนักขึ้นๆ จนตัดสินใจ กลับโรงแรมก็ได้ และหวังว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีกว่าเดิม โดยแพลนพรุ่งนี้ว่าจะข้ามไปเกาะ Nusa Penida กัน
Three Dewi’s Hotel Ubud
ที่นี่เป็นโรงแรมเล็กๆ มี 3 ชั้น เราอยู่ห้องบนสุด รอบๆเป็นทุ่งนา พวกเราก็นั่งเล่น นอนเล่น แบบคนไม่มีอะไรทำ จะออกไปนวด ร้านนวดก็เต็มหมด
และแล้ว สิ่งที่กลัวที่สุด (แต่ลืมไปแล้ว) มันก็เกิดขึ้นจนได้!
ประสบการณแผ่นดินไหวที่บาหลี
THE EARTHQUAKE IN BALI
ระหว่างที่นั่งเล่นคอม+ทำงานอยู่ ได้ยินเสียงเอียดออดของประตู หน้าต่าง และโต๊ะตัวที่นั่งทำงานอยู่นั้นมันก็โยก ปากกากลิ้งตกพื้น พอยืนขึ้นจากเก้าอี้ พื้นก็โยกไปโยกมา จนเกือบจะยืนไม่อยู่ เอียดออดๆ โพล้งเพล้งๆ เสียงโคมไฟห้อยชนกับกำแพงหน้าห้อง เสียงคนกรี๊ด เสียงคนตะโกนสวดมนต์ก็มา
เชี่ยยยยยยย นี่มันแผ่นดินไหว!!!!!
แผ่นดินไหวโว้ยยยย แผ่นดินไหว แผ่นดินไหว แผ่นดินไหว แผ่นดินไหว แผ่นดินไหว
เรา Panic มากตอนนั้น หัวใจเต้นแรง ล่ก ลั่ก ทำตัวไม่ถูก รู้แต่ต้องวิ่งลงไปข้างล่าง เพราะการอยู่ชั้นบนสุดมันอันตรายมากๆ ตอนนั้นไม่ได้สนใจใครเลย วิ่งลงอย่างเดียว …
สติมันมาตอนลงไปอยู่กลางคันนาแล้ว เห็นเพื่อนๆและแขกคนอื่นๆ หอบข้าวของตามมา ถึงเพิ่งนึกได้ว่า เราไม่มีอะไรติดตัวมาซักอย่างเลย ทั้งรองเท้า ทั้งโทรศัพท์ ส่วนเพื่อนคนอื่นมีครบ (เพราะมันเคยเจอแบบนี้ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว)
พวกเรายืนมองอาคารโยกๆหยุดๆ ประมาณเกือบ 15 นาที ก็แอบลุ้นว่ามันจะถล่มลงมามั้ย แล้วคอมที่เปิดงานทิ้งไว้อยู่นั้นจะเป็นยังไง อยากเอาโทรศัพท์มาโทรไปฟ้องแม่ อยากโพสบอกทุกคนว่าเราปลอดภัย เรารอจนมั่นใจแล้วว่ามันจะไม่โยกอีก (ไปเอาจากไหนมามั่นใจก็ไม่รู้) แล้วรีบวิ่งขึ้นไปเก็บของแบบไม่ไว้ใจแผ่นดินนี้นัก
เสาร้าว ผนังร้าว เศษปูนที่พื้นห้องทำเอาเราหลอนไปเลย สรุปคืนนั้น เราย้ายข้าวของมาไว้ชั้นล่าง และเตรียมกระเป๋ายังชีพ ที่มีอุปกรณ์สำคัญทุกอย่างหากเกิดอะไรขึ้น ก็หยิบแค่กระเป๋านี้ไปอย่างเดียวพอ จะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าลากใบใหญ่ แล้วลี้ภัยไปอยู่บาร์หน้าปากซอย (Why not bar) บนถนนหลักมีเศษหลังคาอิฐ ตกพื้นเป็นระยะๆ เจ้าของโรงแรมบอกว่าเคยแผ่นดินไหวมาก่อน แต่ไม่เคยแรงเท่านี้มาก่อน และครั้งนี้ตามข่าวก็วัดค่าความสั่นสะเทือนได้ถึง 6 ริกเตอร์ โดยมีจุดกำเกิดอยู่ตอนเหนือของเกาะ Lombok ที่ห่างออกไป 100กว่ากิโลเท่านั้น
แผ่นดินไหวครั้งนี้ ออกข่าวใหญ่โต เพราะมันแรงกว่าครั้งก่อนเราจะมา ส่วนที่ได้รับผลกระทบสุดๆ คือทาง Lombok / Mt.Rinjani / Gili Islands ไฟดับ บ้านพัง คนเสียชีวิต และคนฉวยโอกาสที่ อูบุดเป็นแค่ติ่งของแผ่นดินไหวเท่านั้นเอง แค่นี้เราก็ตกใจมากๆแล้ว แต่คนที่อยู่ตรงจุดนั้นจะเสียขวัญขนาดไหน
ผลกระทบกับเราก็เป็นแค่ทริปไปเกาะ Nusa Penida ล่ม เพราะเรือไม่เดิน กับประกาศเตือนภัยซึนามิ ห้ามลงเล่นน้ำทะเล เผื่อเกิดเหตุการณ์ After Shock แค่นั้นเอง…
.
.
แผ่นดินยังไหว … เราก็ต้องไหว
.
.
VILLA CANNGU, BALI
เวลาที่เหลืออีก 3 วันของทริป เราไปหมกตัวอยู่ในวิลล่าแชงกู ถึงทริปนี้จะซวยแค่ไหน แต่เรายังต้องดำเนินต่อไป คือกุว่ายน้ำอยู่ในบ้านนี่แหละเว่ย ไม่ไปไหนแล้ว 555
ที่นี่มี 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว สระว่ายน้ำ มีทุกอย่างครบ โลเคชั่นดี หน่าปากซอยมีบาร์ มีร้านขายของชำ ใครมาแชงกูก็อยากแนะนำที่นี่นะ แต่คิดว่าวิลล่าแถวๆนี้ก็ประมาณนี้หมดแหละ
https://www.airbnb.com/rooms/16232290?s=51
หลังจากทริปเกาะล่มไป วันๆก็ไม่ได้ทำอะไร ว่ายน้ำ ถ่ายรูป จัดปาร์ตี้ ดึกๆหิวก็ทำมาม่ากิน ฉันจะได้เที่ยวอย่างมีความสุขแล้วสินะ หลังพายุ ฟ้าจะสดใสใช่มั้ย
และแล้วความซวยก็มาเยือนอีกจนได้ เมื่อโรงแรมข้างๆ กำลังก่อสร้าง และเรากำลังว่ายน้ำเล่น ว่ายท่ากรรเชียงเงยหน้ามองไปเห็นกลุ่มชายชกรรณ์เกือบสิบ ยืนเรียงเกาะระเบียงแอบดูพวกเราอยู่ บ้างก็ถือโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย
โว้ยยยยย จะให้กุอยู่แบบสุขๆ ซักวันจะได้มั้ยวะเนี่ยยยยยย!!!!
เห้อ คือก่อนหน้านี้มีเป็นสิบคนอยู่นะ ทั้งชั้นบนชั้นล่างเลย เลิกๆๆ เปลี่ยนชุดกลับเข้าห้องเว่ย พอกันที ออกจากวิลล่าไปทำอย่างอื่นบ้างฮะ
TANAH LOT TEMPLE
เราเรียก Grab Taxi ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างค่ะ ที่ Tanah lotในภาษาบาลีแปลว่า Land in the sea เป็นวัดกลางน้ำชื่อดัง นักท่องเที่ยวเยอะตลอดเวลา เราเดินทางมาที่นี่โดยยังมีความกลัวซึนามิอยู่ เห็นคลื่นวันนี้ทั้งสูงและแรง ก็แอบหวั่นอยู่เหมือนกัน แต่สักพักก็ชิน แล้วถึงกล้าลงไปถ่ายรูปข้างล่าง
เราสามารถเดินข้ามไปเกาะนั้นได้ แต่ต้องระวังลื่นด้วย ในนั้นจะมีพราหมณ์ฮินดูทำพิธีให้ เราก็ทำตามๆเค้าไปแหละ ตั้งจิตอธิฐาน ล้างหน้าล้างมือกับตาน้ำศักดิ์สิทธ์ แล้วพราหมณ์จะสวดให้พร้อมเอาเมล็ดข้ามมาแปะที่หน้าผาก วางเงินในกระทงก็เป็นอันเรียบร้อย ขวัญเอ๋ยขวัญมา ขอให้ทริปนี้ไม่มีเรื่องซวยอีกต่อไป สาธุค่ะ
ในบริเวณนี้ยังมีอีกหลายจุดให้เราเดินชม และถ่ายรูปสวยๆ ไว้เป็นที่ระลึก นี่ถือว่าเป็นวันดี วันแรก ตั้งแต่เริ่มทริปมา 5 วัน
อะ ถ่ายรูปหมู่กับประตูวัดสไตล์บาหลีซักหน่อยน่ะ
LA BRISSA , CANGGU
ได้เวลาหาที่ดูพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราเลือกไป “ลา บริสซ่า” ตั้งอยู่ Echo Beach ซึ่งเป็นหาดเดียวกับที่พักเราเลย เดินกลับได้สบาย เสียค่าเข้าคนละ 200,000RP ในราคานี้จะสั่งอะไรในเมนูก็ได้ มีข้าวปลา อาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล เหมือนเป็นการซื้อคูปองอะ ในตอนเย็นคนจะเยอะมาก แนะนำว่าให้มาก่อน 4 โมงเย็น จะได้ที่นั่งในโลเคชั่นดีๆ
เราอยู่จนมืดเลย ถ้ามาตอนกลางวันน่าจะสวยกว่านี้ ทุกโต๊ะคือน่านั่งมากๆ ถ่ายรูปสวย
MOTEL MAXICOLA , SEMINYAK
สถานที่สุดฮอตสำหรับสายปาร์ตี้ Nightlife คือที่นี่เลย MOTEL MAXICOLA นี่ไม่ใช่โรงแรม นี่คือคลับแบบชิคๆ ตกแต่งสไตล์แมกซิโก แสงสีแดง เน้นเต้นมันส์ๆ ราคาแอบแรงนิดนึง มีหมื่นหมดหมื่น นี่จ่ายค่าเครื่องดื่มในคืนนี้ แพงกว่าทั้งทริปที่อยู่มาอีกนะเนี่ยย ฮ่าๆๆ
LA FAVELA , SEMINYAK
ค่ำคืนนี้ยังไม่จบลงง่ายๆ อยากหาที่ลงใหม่ พวกเราเดินออกจาก Maxicola โดยโบกวินมอไซด์แว๊นไปต่อที่ LA FAVELA ไนท์คลับชื่อดังอีกที่หนึ่ง ห่างกันไม่ถึง 10 นาที มอไซด์เร็วกว่าแทกซี่เพราะรถติดมากๆ (ใจรักขนาด)
ที่นี่เป็นคลับขนาดใหญ่ น่าจะเจ้าของเดียวกับ La Brissa นะ เพราะตกแต่งสไตล์ทรอปิคอลคล้ายๆกัน มี 3 ชั้น มีแบบนั่งชิล Indoor หรือแบบเน้นเต้นเน้นเสียเหงื่อ Indoor สไตล์เพลงก็ไม่เหมือนกันด้วย หลายหลายวาไรตี้มาก ทั้งคนท้องถิ่น ทั้งนักท่องเที่ยวมาจอยกัน เราว่าที่นี่ถือเป็นที่สุดท้ายของคืนที่ดีทีเดียว ร้านปิดตี 3 กลับวิลล่านอนหลับสบายจ้า
ULUWATU
แล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของทริป ยังพอมีเวลาให้เที่ยวอีกครึ่งวัน เพราะไฟล์ทเราตอนเที่ยงคืน ตื่นสายแน่นอนค่ะวันนี้ ขอเช็คเอ้าท์ออกจากวิลล่า บ่าย 2 เจ้าของใจดี แล้วก็เหมารถไปเที่ยวฝั่งอูลูวาตู ใต้สุดของเกาะบาหลี
เพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน พระอาทิตย์จะตกดินอีกแล้ว 555 จุดชมวิวที่นี่จะมีฝั่งวัด กับฝั่งบาร์ เลือกได้อย่างไดอย่างหนึ่งเพราะไม่มีเวลาแล้ว แน่นอนว่าฝั่งบาร์คือคำตอบของพวกเรา
SINGLE FIN
ซิงเกิ้ลฟิน บาร์ที่แทบทุกคนที่มาเที่ยวบาหลีจะมาที่นี่ และการมาเพื่อดูพระอาทิตย์ตก เวลา 5 โมงเย็นแบบนี้ แน่นอนว่าเต็มค่ะ คราวหลังจะหาร้านใหม่ๆ ไปเช็คอินบ้างละ รอบนี้ขอเก็บที่ฮิตๆให้หมดก่อนแล้วกัน
เอาจริงๆเราว่า Single Fin ไม่ใช่ที่ที่ต้อง Must do in Bali ขนาดนั้นอะ แค่วิวสวยและผู้ชายหล่อเฉยๆ 5555
JIMBARAN BEACH
ปิดท้ายทริปด้วยอาหารทะเลริมชายหาดจิมบารัน (JIMBARAN BEACH) ก่อนจะบินกลับประเทศไทยไฟลท์เที่ยงคืนนี้
ที่นี่มีร้านอาหารทะเลเยอะมาก เรียงเป้นตับๆ แต่มันจะมีร้านนึงที่คนเยอะ และไกด์คนขับรถก็แนะนำเรามา เพราะมันมีราคาถูกสุด ซึ่งก็จริงๆ ภายในร้านเต็มไปด้วยควันจากการปิ้งย่างอาหารทะเล และคิวก็นานมากเช่นกัน ถ้ามาช่วงหนึ่งทุ่มแบบเรา กว่าจะได้กินก็ยืนรออยู่ครึ่งชั่วโมง อาหารมันก็สดจริงๆแหละ เพราะเราสามารถเลือกกุ้งหอยปูปลาเป็นๆ จากตู้ปลาข้างหน้าได้เลย เค้าก็จะย่างมาให้ แต่แอบเสียดายอยู่นิดนึงที่น้ำจิ้มไม่อร่อยเลย อยากพกน้ำจิ้มซีฟู๊ดไทยมาจริงๆ
**ร้านชื่อ Menega cafe, Jambaran
เราบินกลับไทยกับสายการบินแอร์เอเชีย เวลาดีตรงที่บินตอนเที่ยงคืน เราได้ดินเนอร์ก่อนขึ้นเครื่อง แล้วก็ไปหลับบนเครื่องพอดี
สรุปทริปบาหลีครั้งนี้ ยังทำภารกิจไม่สำเร็จ ได้ไปไม่ครบตามแพลน แต่ก็ได้รับประสบการณ์แบบที่จะตราตรึงในหัวใจไปนานแสนนาน ครั้งแรกของการเป็นผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว กลับไทยมาก็ยังหลอนไม่หาย รู้สึกว่าจะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา ขึ้นลิฟท์คอนโดก็กลัว จินตนาการไปว่าถ้ามันไหวจริงๆ จะหาทางหนีทีไล่ยังไง แล้วก็ไปจบที่กูไม่รอดแน่นอน ถ้าไหวตอนนอนอยู่บนคอนโดขชั้น 22 ฮ่าๆ แต่ก็นั่นแหละ ความรู้สึกนี้มีแค่อาทิตย์เด่ยวหลังกลับไทย แล้วก็ชินไปเอง ไม่รู้สึกอีกเลย ถามว่ายังกล้าไปบาหลีอีกมั้ย ก็แน่นอนหละ อยากไปเก็บสถานที่ให้ครบซักที ไปมาหลายรอบแล้ว ขอแค่ไม่ซวยอีกครั้งก็พอ
และนี่ก็เป็นทริปบาหลีในแบบของเรา
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าค่า
ต้นอ้อ